ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 31อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 32อ่านอรรถกถา 25 / 33อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท นิรยวรรคที่ ๒๒

หน้าต่างที่ ๕ / ๙.

               ๕. เรื่องภิกษุว่ายาก [๒๒๗]               
               ข้อความเบื้องต้น               
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุว่ายากรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "กุโส ยถา" เป็นต้น.

               ภิกษุเด็ดหญ้าแล้วสงสัย               
               ได้สดับมาว่า ภิกษุรูปหนึ่ง ไม่แกล้ง เด็ดหญ้าต้นหนึ่ง เมื่อความรังเกียจเกิดขึ้น จึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง บอกความที่กรรมอันตนทำแล้ว ถามว่า "ผู้มีอายุ ภิกษุใดเด็ดหญ้า โทษอะไรย่อมมีแก่ภิกษุนั้น?"
               ลำดับนั้น ภิกษุนอกนี้กล่าวกะเธอว่า "ท่านทำความสำคัญว่า "โทษอะไรๆ มี" เพราะเหตุแห่งหญ้าที่ท่านเด็ดแล้ว โทษอะไรๆ ย่อมไม่มีในที่นี้ แต่ท่านแสดงแล้ว ย่อมพ้นได้" แม้ตนเองก็ได้เอามือทั้งสองถอนหญ้าแล้วถือไว้.
               ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระศาสดา.

               กรรมที่บุคคลทำย่อหย่อนไม่มีผลมาก               
               พระศาสดาทรงติเตียนภิกษุนั้นโดยอเนกปริยาย
               เมื่อทรงแสดงธรรมได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
                         ๕.   กุโส ยถา ทุคฺคหิโต    หตฺถเมวานุกนฺตติ
                         สามญฺญํ ทุปฺปรามฏฺฐํ    นิรยายูปกฑฺฒติ.
                         ยํ กิญฺจิ สิถิลํ กมฺมํ    สงฺกิลิฏฺฐญฺจ ยํ วตํ
                         สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ    น ตํ โหติ มหปฺผลํ.
                         กยิรญฺเจ กยิรเถนํ๑-    ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม
                         สิถิโล หิ ปริพฺพาโช    ภิยฺโย อากิรเต รชํ.
                                   หญ้าคาที่บุคคลจับไม่ดี ย่อมตามบาดมือนั่นเองฉันใด,
                         คุณเครื่องเป็นสมณะที่บุคคลลูบคลำไม่ดี ย่อมคร่าเขาไปใน
                         นรก ฉันนั้น.
                                   การงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่ย่อหย่อน, วัตรใดที่เศร้า
                         หมอง, พรหมจรรย์ที่ระลึกด้วยความรังเกียจ, กรรมทั้งสาม
                         อย่างนั้น ย่อมไม่มีผลมาก.
                                   หากว่าบุคคลพึงทำกรรมใด ควรทำกรรมนั้นให้จริง,
                         ควรบากบั่นทำกรรมนั้นให้มั่น เพราะว่าสมณธรรมเครื่องละ
                         เว้นที่ย่อหย่อน ยิ่งเกลี่ยธุลีลง.
____________________________
๑- อรรถกถา. กยิรา เจ กยิราเถนํ ตรงกับฉบับพม่า.

               แก้อรรถ               
               หญ้ามีคมชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยที่สุดแม้ใบตาล ชื่อว่า กุโส ในพระคาถานั้น.
               หญ้าคานั้น ผู้ใดจับไม่ดี ย่อมตามบาด คือย่อมแฉลบบาดมือของผู้นั้น ฉันใด; แม้คุณเครื่องเป็นสมณะกล่าวคือสมณธรรม ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ชื่อว่าอันบุคคลลูบคลำไม่ดี เพราะความเป็นผู้มีศีลขาดเป็นต้น.
               บาทพระคาถาว่า นิรยายูปกฑฺฒติ ความว่า ย่อมให้เกิดในนรก.
               บทว่า สิถิลํ ได้แก่ การงานไรๆ ที่บุคคลทำ ทำให้เป็นการยึดถือไว้ย่อหย่อน โดยทำหละหลวม.
               บทว่า สงฺกิลิฏฺฐํ ความว่า ชื่อว่าเศร้าหมอง เพราะการเที่ยวไปในอโคจร มีหญิงแพศยาเป็นต้น.
               บทว่า สงฺกสฺสรํ ได้แก่ พึงระลึกด้วยความสงสัยทั้งหลาย คือเห็นสงฆ์แม้ที่ประชุมกันด้วยกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดากิจมีกิจด้วยอุโบสถเป็นต้น แล้วระลึกด้วยความสงสัยของตน คือรังเกียจ ได้แก่ระแวงอย่างนี้ว่า "ภิกษุเหล่านี้ทราบความประพฤติของเรา มีประสงค์จะยกวัตรเรา จึงประชุมกันแน่แท้."
               สองบทว่า น ตํ โหติ ความว่า พรหมจรรย์ กล่าวคือสมณธรรมนั้น คือเห็นปานนั้น ย่อมไม่มีผลมากแก่บุคคลนั้น เพราะไม่มีผลมากแก่เธอ ก็ย่อมไม่มีผลมากแม้แก่ทายกผู้ถวายภิกษาแก่เธอ (ด้วย).
               บทว่า กยิรา เจ ความว่า เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงทำการงานใด จงทำการงานนั้นจริงๆ.
               บาทพระคาถาว่า ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม ความว่า ควรทำการงานนั่นให้เป็นของอันตนทำมั่นคง คือเป็นผู้มีการสมาทานดำรงมั่นทำการงานนั่น.
               บทว่า ปริพฺพาโช ได้แก่ สมณธรรมที่บุคคลทำด้วยการยึดถือย่อหย่อน อันถึงภาวะมีความขาดเป็นต้น.
               บทว่า ภิยฺโย ความว่า สมณธรรมเห็นปานนั้น ย่อมไม่สามารถที่จะนำออกซึ่งธุลี มีธุลีคือราคะเป็นต้น ที่มีอยู่ ณ ภายใน. โดยที่แท้ ย่อมเกลี่ยธุลี มีธุลีคือราคะเป็นต้น แม้อย่างอื่น ณ เบื้องบนของผู้นั้น.
               ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นแล้ว.
               ภิกษุแม้นั้นดำรงอยู่ในความสังวรแล้ว ภายหลังเจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัต ดังนี้แล.

               เรื่องภิกษุว่ายาก จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท นิรยวรรคที่ ๒๒
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 31อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 32อ่านอรรถกถา 25 / 33อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1080&Z=1117
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=24&A=2371
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=24&A=2371
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๓  ธันวาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :