ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 23อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 24อ่านอรรถกถา 25 / 25อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พุทธวรรคที่ ๑๔

หน้าต่างที่ ๔ / ๙.

               ๔. เรื่องปัญหาของพระอานนทเถระ [๑๕๑]               
               ข้อความเบื้องต้น               
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภปัญหาของพระอานนทเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "สพฺพปาปสฺส อกรณํ" เป็นต้น.

               กาลแห่งพระพุทธเจ้าต่างกัน แต่คำสอนเหมือนกัน               
               ได้ยินว่า พระเถระนั่งในที่พักกลางวัน คิดว่า "พระศาสดาตรัสบอกเหตุแห่งพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ทุกอย่าง คือ พระชนนีและพระชนก การกำหนดพระชนมายุ ไม้เป็นที่ตรัสรู้ สาวกสันนิบาต อัครสาวก อุปัฏฐาก, แต่อุโบสถมิได้ตรัสบอกไว้ อุโบสถแห่งพระพุทธเจ้าแม้เหล่านั้นเหมือนอย่างนี้ หรือเป็นอย่างอื่น."
               ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามเนื้อความนั้น. ก็เพราะความแตกต่างแห่งกาลแห่งพระพุทธเจ้าเหล่านั้นเท่านั้น ได้มีแล้ว ความแตกต่างแห่งคาถาไม่มี
               ด้วยว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ได้ทรงกระทำอุโบสถในทุกๆ ๗ ปี, เพราะพระโอวาทที่พระองค์ประทานแล้วในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ ๗ ปี,
               พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขีและเวสสภู ทรงกระทำอุโบสถในทุกๆ ๖ ปี, (เพราะพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๒ พระองค์นั้นทรงประทานในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ ๖ ปี)
               พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะและโกนาคมนะ ได้ทรงกระทำอุโบสถทุกๆ ปี, (เพราะพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒ พระองค์นั้นทรงประทานในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ปีหนึ่งๆ);
               พระกัสสปทสพล ได้ทรงกระทำอุโบสถทุกๆ ๖ เดือน เพราะพระโอวาทที่พระองค์ทรงประทานในวันหนึ่ง พอไปได้ ๖ เดือน; ฉะนั้น พระศาสดาจึงตรัสความแตกต่างกันแห่งกาลนี้ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า "ส่วนโอวาทคาถาของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น เป็นอย่างนี้นี่แหละ" ดังนี้แล้ว
               เมื่อจะทรงกระทำอุโบสถแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ซึ่งเป็นอันเดียวกันทั้งนั้นให้แจ่มแจ้ง จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
                         ๔. สพฺพปาปสฺส อกรณํ    กุสลสฺสูปสมฺปทา
                         สจิตฺตปริโยทปนํ   เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
                                      ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
                                      นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
                                      น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
                                      สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต.
                         อนูปวาโท อนูปฆาโต   ปาติโมกฺเข จ สํวโร
                         มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ   ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
                         อธิจิตฺเต จ อาโยโค   เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
                         ความไม่ทำบาปทั้งสิ้น ความยังกุศลให้ถึงพร้อม ความทำจิต
                         ของตนให้ผ่องใส นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
                         ความอดทนคือความอดกลั้น เป็นธรรมเผาบาปอย่างยิ่ง
                         ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมกล่าวพระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม,
                         ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าบรรพชิต
                         ผู้เบียดเบียนผู้อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ.
                         ความไม่กล่าวร้าย ๑ ความไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมใน
                         พระปาติโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
                         ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑ ความประกอบโดยเอื้อเฟื้อในอธิจิต ๑
                         นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สพฺพปาปสฺส ได้แก่ อกุศลกรรมทุกชนิด.
               การยังกุศลให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ออกบวชจนถึงพระอรหัตมรรค และการยังกุศลที่ตนให้เกิดขึ้นแล้วให้เจริญ ชื่อว่า อุปสมฺปทา.
               การยังจิตของตนให้ผ่องใสจากนิวรณ์ทั้ง ๕ ชื่อว่า สจิตฺตปริโยทปนํ.
               บาทพระคาถาว่า เอตํ พุทฺธานสาสน๑- โดยอรรถว่า นี้เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์.
               บทว่า ขนฺติ ความว่า ขึ้นชื่อว่าความอดทน กล่าวคือ ความอดกลั้นนี้ เป็นตบะอย่างยอดยิ่ง คืออย่างสูงสุดในพระศาสนานี้.
               บาทพระคาถาว่า นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา ความว่า พุทธบุคคลทั้ง ๓ จำพวกนี้ คือ พระพุทธะจำพวก ๑ พระปัจเจกพุทธะจำพวก ๑ พระอนุพุทธะจำพวก ๑ ย่อมกล่าวพระนิพพานว่า "เป็นธรรมชาติอันสูงสุด."
               บทว่า น หิ ปพฺพชิโต โดยความว่า บุคคลผู้ที่ล้างผลาญบีบคั้นสัตว์อื่นอยู่ ด้วยเครื่องประหารต่างๆ มีฝ่ามือเป็นต้น ชื่อว่า ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต.
               บทว่า สมโณ ความว่า บุคคลผู้ยังเบียดเบียนสัตว์อื่นอยู่ โดยนัยที่กล่าวแล้วนั่นแหละ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะด้วยเหมือนกัน.
               การไม่ติเตียนเอง และการไม่ยังผู้อื่นให้ติเตียน ชื่อว่า อนูปวาโท.
               การไม่ทำร้ายเอง และการไม่ใช้ผู้อื่นให้ทำร้าย ชื่อว่า อนูปฆาโต.
               บทว่า ปาติโมกฺเข ได้แก่ ศีลที่เป็นประธาน.
               การปิด ชื่อว่า สํวโร. ความเป็นผู้รู้จักพอดี คือความรู้จักประมาณ ชื่อว่า มตฺตญฺญุตา.
               บทว่า ปนฺตํ ได้แก่ เงียบ.
               บทว่า อธิจิตฺเต ความว่า ในจิตอันยิ่ง กล่าวคือจิตที่สหรคตด้วยสมาบัติ ๘. การกระทำความเพียร ชื่อว่า อาโยโค.
               บทว่า เอตํ ความว่า นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์.
               ก็ในพระคาถานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสศีลอันเป็นไปทางวาจาด้วยอนูปวาท.
               ตรัสศีลอันเป็นไปทางกาย ด้วยอนูปฆาต.
               ตรัสปาติโมกขสีลกับอินทริยสังวรสีล ด้วยคำนี้ว่า ปาติโมกฺเข จ สํวโร.
               ตรัสอาชีวปาริสุทธิสีลและปัจจัยสันนิสิตสีล ด้วยมัตตัญญุตา,
               ตรัสเสนาสนะอันสัปปายะ ด้วยปันตเสนาสนะ,
               ตรัสสมาบัติ ๘ ด้วยอธิจิต.
               ด้วยประการนี้ สิกขาแม้ทั้ง ๓ ย่อมเป็นอันพระองค์ตรัสแล้วด้วยพระคาถานี้ทีเดียว ฉะนี้แล.
               ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ฉะนี้แล.
____________________________
๑- บาลี เป็น พุทฺธาน สาสนํ.

               เรื่องปัญหาของพระอานนทเถระ จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พุทธวรรคที่ ๑๔
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 23อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 24อ่านอรรถกถา 25 / 25อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=748&Z=798
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=23&A=1200
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=23&A=1200
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๕  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :