บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
#- บาลีเป็น ภัทราวุธปัญหา. ภัทราวุธสูตร มีคำเริ่มต้นว่า โอกญฺชหํ ดังนี้เป็นต้น. ในบทเหล่านั้น บทว่า โอกญฺชหํ คือ ผู้ละอาลัย. บทว่า ตณฺหจฺฉิทํ ผู้ตัดตัณหาเสียได้ คือตัดหมู่ตัณหาทั้ง ๖. บทว่า อเนชํ ผู้ไม่หวั่นไหว คือไม่มีความทะเยอทะยานในโลกธรรมทั้งหลาย. บทว่า นนฺทิญฺชหํ ผู้ละความเพลิดเพลิน คือละความปรารถนามีรูปในอนาคตเป็นต้น. จริงอยู่ ภัทราวุธมาณพกล่าวถึงตัณหาอย่างเดียวเท่านั้นในที่นี้โดยประการต่างๆ เพื่อสรรเสริญพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้น. บทว่า กปฺปญฺชหํ ผู้ละธรรมเครื่องให้ดำริ คือละธรรมเครื่องให้ดำริสองอย่าง. บทว่า อภิยาเจ ข้าพระองค์ขอทูลวิงวอนเป็นอย่างยิ่ง. บทว่า สุตฺวาน นาคสฺส อปนมิสฺสนฺติ อิโต ชนทั้งหลายมาจากชนบทได้ฟัง บทว่า ชนปเทหิ สงฺคตา มาพร้อมกันแล้วจากชนบททั้งหลาย คือมาพร้อมกัน ณ ที่นี้จากชนบททั้งหลายมีอังคะเป็นต้น. บทว่า วิยากโรหิ ขอจงทรงพยากรณ์ คือขอจงทรงแสดงธรรม. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงแสดงธรรมโดยอนุโลมตามอัธยาศัยของภัทราวุธมาณพนั้น จึงได้ตรัสพระคาถาสองคาถา. ในบทเหล่านั้น บทว่า อาทานตณฺหํ ตัณหาเป็นเครื่องยึดมั่น คือตัณหาเป็นเครื่องยึดมั่นอารมณ์มีรูปเป็นต้น. อธิบายว่า ยึดมั่นตัณหา. บทว่า ยํ ยญฺหิ โลกสฺมึ อุปาทิยนฺติ เพราะว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมถือมั่นสิ่งใดๆ ในโลก คือถือมั่นสิ่งใดๆ ในประเภทมีขันธ์เป็นต้นเหล่านั้น. บทว่า เตเนว มาโร อเนฺวติ ชนฺตุํ มารย่อมติดตามสัตว์ได้เพราะสิ่งนั้นแหละ. ความว่า มารคือขันธมารอันมีในปฏิสนธิ ย่อมติดตามสัตว์นั้นไปด้วยอำนาจกรรมาภิสังขารที่เกิดขึ้นเพราะอุปาทานเป็นปัจจัยนั้นเอง. บทว่า ตสฺมา ปชานํ เหตุนั้นภิกษุเมื่อรู้ชัดอยู่ คือ เมื่อรู้โทษอย่างนี้ในสังขารโดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น. บทว่า อาทานสตฺเต อิติ เปกฺขมาโน ปชํ อิมํ มจฺจุเธยฺย วิสตฺตํ ภิกษุเล็งเห็นสัตว์ผู้ติดข้องอยู่แล้วในวัฏฏะ อันเป็นบ่วงแห่งมารนี้ว่า เป็นหมู่สัตว์ ความว่า ภิกษุเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้ติดข้อง บทที่เหลือในบททั้งปวงชัดเจนดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระสูตรแม้นี้ด้วยธรรมเป็นยอดคือพระอรหัตนั่นแลด้วยประการฉะนี้. อนึ่ง เมื่อจบเทศนาได้มีผู้บรรลุธรรมเช่นก่อนเหมือนกัน. จบอรรถกถาภัทราวุธสูตรที่ ๑๒ แห่งอรรถกถาขุททกนิกาย ชื่อปรมัตถโชติกา -------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปารายนวรรค ภัทราวุธปัญหาที่ ๑๒ จบ. |