ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] [๑๕]อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 14อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 15อ่านอรรถกถา 25 / 16อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕

หน้าต่างที่ ๘ / ๑๕.

               ๘. เรื่องชาวนา [๕๒]               
               ข้อความเบื้องต้น               
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภชาวนาคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ" เป็นต้น.

               โจรเข้าลักทรัพย์ในตระกูลมั่งคั่ง               
               ได้ยินว่า ชาวนานั้นไถนาแห่งหนึ่งอยู่ในที่ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี. พวกโจรเข้าไปสู่พระนครโดยท่อน้ำ ทำลายอุโมงค์ในตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่ง เข้าไปถือเอาเงินและทองเป็นอันมากแล้วก็ออกไปโดยทางท่อน้ำนั่นเอง. โจรคนหนึ่งลวงโจรเหล่านั้น กระทำถุงที่บรรจุทรัพย์พันหนึ่งถุงหนึ่งไว้ที่เกลียวผ้าแล้วไปถึงนานั้น แบ่งภัณฑะกับโจรทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ถือพาเดินไปอยู่ ไม่ได้กำหนดถึงถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่งที่ตกลงจากเกลียวผ้า.

               พระศาสดาทรงเล็งเห็นอุปนิสัยของชาวนา               
               ในวันนั้น เวลาใกล้รุ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูสัตวโลก ทรงเห็นชาวนานั้นผู้เข้าไปในภายในข่าย คือพระญาณของพระองค์ แล้วทรงใคร่ครวญอยู่ว่า "เหตุอะไรหนอแล? จักมี" ได้ทรงเห็นเหตุนี้ว่า "ชาวนาคนนี้จักไปเพื่อไถนาแต่เช้าตรู่, แม้พวกเจ้าของภัณฑะไปตามรอยเท้าของโจรทั้งหลายแล้ว เห็นถุงที่บรรจุทรัพย์พันหนึ่งในนาของชาวนานั้น แล้วก็จักจับชาวนานั่น, เว้นเราเสีย คนอื่นชื่อว่าผู้เป็นพยานของชาวนานั้นจักไม่มี, แม้อุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของชาวนานั้นก็มีอยู่, เราไปในที่นั้น ย่อมควร."
               ฝ่ายชาวนานั้นไปเพื่อไถนาแต่เช้าตรู่.
               พระศาสดามีพระอานนทเถระเป็นปัจฉาสมณะ ได้เสด็จไปในที่นั้นแล้ว. ชาวนาเห็นพระศาสดาแล้ว ไปถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วเริ่มไถนาอีก. พระศาสดา ไม่ตรัสอะไรๆ กับเขา เสด็จไปยังที่ๆ ถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่งตก ทอดพระเนตรเห็นถุงนั้นแล้ว จึงตรัสกะพระอานนทเถระว่า "อานนท์ เธอเห็นไหม อสรพิษ."
               พระอานนทเถระทูลว่า "เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย."
               ชาวนาได้ยินถ้อยคำนั้นคิดว่า "ที่นี้เป็นที่เที่ยวไปในเวลาหรือมิใช่เวลาแห่งเรา, ได้ยินว่า อสรพิษมีอยู่ในที่นั่น" เมื่อพระศาสดาตรัสคำมีประมาณเท่านั้นหลีกไปแล้ว, จึงถือเอาด้ามปฏักเดินไปด้วยตั้งใจว่า "จักฆ่าอสรพิษนั้น" เห็นถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่ง แล้วคิดว่า "คำนั้น จักเป็นคำอันพระศาสดาตรัสหมายเอาถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่งนี้" จึงถือถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่งนั้นกลับไป เพราะความที่ตนเป็นคนไม่ฉลาด จึงซ่อนมันไว้ในที่สมควรแห่งหนึ่ง กลบด้วยฝุ่นแล้ว เริ่มจะไถนาอีก.

               ชาวนาถูกจับไปประหารชีวิต               
               แม้พวกมนุษย์ เมื่อราตรีสว่างแล้ว เห็นกรรมอันพวกโจรกระทำในเรือน จึงเดินตามรอยเท้าไป ถึงนานั้นแล้ว เห็นที่ๆ พวกโจรแบ่งภัณฑะกันในนานั้น ได้เห็นรอยเท้าของชาวนาแล้ว. มนุษย์เหล่านั้นไปตามแนวรอยเท้าของชาวนานั้น เห็นที่แห่งถุงทรัพย์ที่ชาวนาเก็บเอาไว้ คุ้ยฝุ่นออกแล้ว ถือเอาถุงทรัพย์ คุกคามว่า "แกปล้นเรือนแล้ว เทียวไปราวกับไถนาอยู่" โบยด้วยท่อนไม้ นำไปแสดงแก่พระราชาแล้ว.
               พระราชาทรงสดับความเป็นไปนั้นแล้ว จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตชาวนานั้น. พวกราชบุรุษมัดชาวนานั้นให้มีแขนไพล่หลัง เฆี่ยนด้วยหวาย นำไปสู่ตะแลงแกงแล้ว.
               ชาวนานั้นถูกราชบุรุษเฆี่ยนด้วยหวาย ไม่กล่าวคำอะไรๆ อื่น กล่าวอยู่ว่า
                         เห็นไหม อานนท์ อสรพิษ,
                         เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย.

               เดินไปอยู่.
               ครั้งนั้น พวกราชบุรุษถามเขาว่า "แกกล่าวถ้อยคำของพระศาสดาและพระอานนทเถระเท่านั้น, นี่ชื่ออะไร?" เมื่อชาวนาตอบว่า "เราเมื่อได้เฝ้าพระราชาจึงจักบอก" จึงนำไปสู่สำนักของพระราชา กราบทูลความเป็นไปนั้นแด่พระราชาแล้ว.

               ชาวนาพ้นโทษเพราะอ้างพระศาสดาเป็นพยาน               
               ลำดับนั้น พระราชาตรัสถามชาวนานั้นว่า "เพราะเหตุไร เจ้าจึงกล่าวดังนั้น?" แม้ชาวนานั้นกราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ไม่ใช่โจร" แล้วก็กราบทูลเรื่องนั้นทั้งหมดแด่พระราชา จำเดิมแต่กาลที่ตนออกไปเพื่อต้องการจะไถนา.
               พระราชาทรงสดับถ้อยคำของชาวนานั้นแล้ว ตรัสว่า "พนาย ชาวนานี้อ้างเอาพระศาสดาผู้เป็นบุคคลเลิศในโลกเป็นพยาน, เราจะยกโทษแก่ชาวนานี่ยังไม่สมควร, เราจักรู้สิ่งที่ควรกระทำในเรื่องนี้" ดังนี้แล้ว ทรงพาชาวนานั้นไปยังสำนักของพระศาสดาในเวลาเย็น
               ทูลถามพระศาสดาว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์ได้เสด็จไปสู่ที่ไถนาของชาวนานั้น กับพระอานนทเถระแลหรือ?"
               พระศาสดา. ขอถวายพระพร มหาบพิตร.
               พระราชา. พระองค์ทอดพระเนตรเห็นอะไรในนานั้น?
               พระศาสดา. ถุงทรัพย์พันหนึ่ง มหาบพิตร.
               พระราชา. ทอดพระเนตรเห็นแล้วได้ตรัสคำอะไร?
               พระศาสดา. คำชื่อนี้ มหาบพิตร.
               พระราชา. พระเจ้าข้า ถ้าบุรุษนี้จักไม่ได้กระทำการอ้างบุคคลผู้เช่นกับด้วยพระองค์แล้วไซร้ เขาจักไม่ได้ชีวิต แต่เขากล่าวคำที่พระองค์ตรัสแล้ว จึงได้ชีวิต.

               ไม่ควรทำกรรมที่ให้ผลเดือดร้อนในภายหลัง               
               พระศาสดาทรงสดับพระราชดำรัสนั้นแล้ว ตรัสว่า "ขอถวายพระพร มหาบพิตร แม้ตถาคตกล่าวคำมีประมาณเท่านั้นนั่นเองแล้ว ก็ไป, ความตามเดือดร้อนในภายหลังย่อมมี เพราะกระทำกรรมใด กรรมนั้น ผู้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตไม่พึงกระทำ" ดังนี้
               เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
                         ๘. น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ    ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
                         ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ    วิปากํ ปฏิเสวติ.
                         บุคคลกระทำกรรมใดแล้ว ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง
                         เป็นผู้มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้ เสวยผลของกรรม
                         ใดอยู่ กรรมนั้นอันบุคคลกระทำแล้ว ไม่ดีเลย.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า ยํ กตฺวา ความว่า บุคคลกระทำกรรมใด คืออันสามารถจะให้เกิดในอบายภูมิทั้งหลายมีนรกเป็นต้น ได้แก่มีทุกข์เป็นกำไร เมื่อตามระลึกถึง ชื่อว่าย่อมเดือดร้อนในภายหลัง คือย่อมเศร้าโศกในภายหลัง ในขณะที่ระลึกถึงแล้วๆ, กรรมนั้นอันบุคคลกระทำแล้วไม่ดี คือไม่งาม ได้แก่ ไม่สละสลวย.
               สองบทว่า ยสฺส อสฺสุมุโข ความว่า เป็นผู้มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตาร้องไห้ ย่อมเสวยผลกรรมใด.
               ในเวลาจบเทศนา อุบาสกชาวนาบรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. แม้ภิกษุผู้ประชุมกันเป็นอันมาก ก็บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

               เรื่องชาวนา จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] [๑๕]
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 14อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 15อ่านอรรถกถา 25 / 16อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=434&Z=478
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=20&A=2059
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=20&A=2059
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๙  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :