ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 11อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 12อ่านอรรถกถา 25 / 13อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒

หน้าต่างที่ ๙ / ๙.

               ๙. เรื่องพระติสสเถระผู้มีปกติอยู่ในนิคม [๒๓]               
               ข้อความเบื้องต้น               
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระติสสเถระผู้มีปกติอยู่ในนิคม ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า “อปฺปมาทรโต” เป็นต้น.

               พระเถระเที่ยวรับบิณฑบาตแต่ในบ้านญาติ               
               ความพิสดารว่า กุลบุตรคนหนึ่ง เกิดเติบโตในบ้านที่ตั้งอยู่ในนิคมแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลแต่กรุงสาวัตถี บรรพชาแล้วได้อุปสมบทในศาสนาของพระศาสดาแล้ว ปรากฏว่า “ชื่อว่า พระนิคมติสสเถระเป็นผู้มักน้อย สันโดษ สงัด ปรารภความเพียร.” ท่านเที่ยวบิณฑบาตเฉพาะในบ้านของญาติเป็นนิตย์. เมื่อคนทั้งหลายมีอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นต้น ทำมหาทานอยู่ก็ดี, เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงบำเพ็ญอสทิสทาน๑- อยู่ก็ดี, ก็ไม่มากรุงสาวัตถี.
____________________________
๑- ทานอันไม่มีทานอื่นเสมอ.

               พวกภิกษุจึงสนทนากันว่า “พระนิคมติสสะนี้ ลุกขึ้นเสร็จสรรพแล้ว ก็คลุกคลีด้วยญาติอยู่ เมื่อชนทั้งหลายมีอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นต้น ทำมหาทานอยู่ก็ดี, เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงบำเพ็ญอสทิสทานอยู่ก็ดี, เธอไม่มาเลย ดังนี้แล้ว จึงกราบทูลแด่พระศาสดา.

               พระเถระได้รับสาธุการจากพระศาสดา               
               พระศาสดารับสั่งให้เรียกท่านมาแล้ว ตรัสถามว่า “ภิกษุ ข่าวว่า เธอทำอย่างนั้น จริงหรือ?” เมื่อท่านกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่มีความคลุกคลีด้วยญาติ, ข้าพระองค์อาศัยพวกมนุษย์ที่เป็นญาติเหล่านั้น ย่อมได้อาหารที่พอจะกลืนกินได้, ข้าพระองค์คิดว่า ‘เมื่อเราได้อาหารที่เลวก็ตาม ประณีตก็ตาม ซึ่งพอยังอัตภาพให้เป็นไปได้แล้ว, ประโยชน์อะไรด้วยการแสวงหาอาหารอีกเล่า?’ ดังนี้แล้ว จึงไม่มา, ก็ชื่อว่า ความคลุกคลีด้วยหมู่ญาติไม่มีแก่ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า”
               แม้ตามปกติ (พระองค์) ก็ทรงทราบอัธยาศัยของท่านอยู่ จึงประทานสาธุการว่า “ดีละๆ ภิกษุ” ดังนี้แล้ว ตรัสว่า “ภิกษุ ก็ข้อที่เธอได้อาจารย์ผู้เช่นเราแล้ว ได้เป็นผู้มักน้อย ไม่อัศจรรย์นัก, เพราะว่า ชื่อว่าความเป็นผู้มักน้อยนี้เป็นแบบแผนของเรา เป็นประเพณีของเรา” ดังนี้แล้ว
               อันภิกษุทั้งหลายทูลอาราธนาแล้ว ทรงนำอดีตนิทานมาว่า

               เรื่องนกแขกเต้า               
               ในอดีตกาล นกแขกเต้าหลายพันตัว อยู่ในป่าไม้มะเดื่อแห่งหนึ่ง ใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคาในป่าหิมพานต์. บรรดานกแขกเต้าเหล่านั้น พระยานกแขกเต้าตัวหนึ่ง เมื่อผลแห่งต้นไม้ที่ตนอาศัยอยู่สิ้นแล้ว, จิกกินหน่อใบหรือเปลือกซึ่งยังเหลืออยู่ ดื่มน้ำในแม่น้ำคงคา เป็นสัตว์ที่มีความปรารถนาน้อยอย่างยิ่ง สันโดษ ไม่ไปในที่อื่น ด้วยคุณคือความปรารถนาน้อยและสันโดษของพระยานกแขกเต้านั้น ภพของท้าวสักกะไหวแล้ว.

               ท้าวสักกะทรงทดลองพระยานกแขกเต้า               
               ท้าวสักกะทรงรำพึงอยู่ ทรงเห็นเหตุนั้นแล้ว ทรง (บันดาล) ให้ต้นไม้นั้นเหี่ยวแห้งด้วยอานุภาพของตน เพื่อจะทดลองพระยานกแขกเต้านั้น ต้นไม้หักแล้ว เหลืออยู่สักว่าตอเท่านั้น เป็นช่องน้อยและช่องใหญ่ (ปรุหมด). เมื่อลมโกรกมา (กระทบ) ได้เปล่งเสียงดุจถูกบุคคลเคาะ ตั้งอยู่แล้ว ขุยทั้งหลายปลิวออกจากช่องของ ต้นไม้นั้น. พระยานกแขกเต้าจิกกินขุยเหล่านั้น แล้วดื่มน้ำในแม่น้ำคงคา ไม่ไปในที่อื่น ไม่พรั่นพรึงลมและแดด จับอยู่ที่ปลายตอมะเดื่อ.
               ท้าวสักกะทรงทราบความที่พระยานกแขกเต้านั้น มีความปรารถนาน้อยอย่างยิ่ง ทรงดำริว่า “เราจักให้พระยานกแขกเต้านั้น กล่าวคุณแห่งมิตรธรรม แล้วให้พรแก่นกนั้น ทำ (บันดาล) ต้นมะเดื่อให้มีผลไม่วายแล้ว” ดังนี้แล้ว (นิรมิต) พระองค์เป็นพระยาหงส์ตัวหนึ่ง นำนางอสุรกัญญา นามว่าสุชาดาไว้ข้างหน้า เสด็จไปป่ามะเดื่อนั้น จับที่กิ่งแห่งต้นไม้ต้นหนึ่ง ในที่ไม่ไกล
               เมื่อจะตรัสสนทนากับพระยานกแขกเต้านั้น ตรัสคาถานี้ว่า
                         “พฤกษามีใบสดเขียวมีอยู่, หมู่ไม้มีผลหลาก
               หลาย ก็มีมาก, เหตุไรหนอ? ใจของนกแขกเต้าจึง
               ยินดีแล้วในไม้แห้งที่ผุ.”

               สุวชาดกทั้งหมด บัณฑิตพึงให้พิสดาร ตามนัยที่มาแล้วในนวกนิบาต๑- นั่นแล, แต่ความเกิดขึ้นแห่งเรื่องเท่านั้น ในนวกนิบาตและในที่นี้ต่างกัน ที่เหลือเหมือนกันทั้งนั้น.
____________________________
๑- ขุ. ชา. นวก. เล่ม ๒๗/ข้อ ๑๒๓๖-๑๒๔๕; อรรถกถา จุลลสุวกราชชาดก.

               ภิกษุควรปรารถนาน้อยและสันโดษ               
               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า “ท้าวสักกะ ในกาลนั้น ได้เป็นอานนท์, พระยานกแขกเต้าได้เป็นเราเอง” ดังนี้แล้ว ตรัสว่า “อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าความเป็นผู้มีความปรารถนาน้อยนี่ เป็นแบบแผน เป็นประเพณีของเรา ข้อที่ติสสะผู้มีปกติอยู่ในนิคม บุตรของเรา ได้อาจารย์เช่นเราแล้วเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย ไม่น่าอัศจรรย์, ธรรมดาภิกษุพึงเป็นผู้มีความมักน้อย เหมือนติสสะผู้มีปกติอยู่ในนิคม, เพราะว่า ภิกษุเห็นปานนั้น เป็นผู้ไม่ควรเสื่อมจากมรรคและผล, ย่อมอยู่ในที่ใกล้แห่งพระนิพพานโดยแท้ทีเดียว” ดังนี้แล้ว
               ตรัสพระคาถานี้ว่า
                         ๙. อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
                         อภพฺโพ ปริหานาย                นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก.
                         ภิกษุยินดีแล้วในความไม่ประมาท มีปกติเห็นภัยใน
                         ความประมาท ไม่ควรเพื่ออันเสื่อม (จากมรรคและ
                         ผล) ตั้งอยู่แล้วในที่ใกล้แห่งพระนิพพานทีเดียว.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถาว่า อภพฺโพ ปริหานาย ความว่า ภิกษุผู้เห็นปานนั้นๆ ไม่ควรเพื่ออันเสื่อมจากธรรม คือสมถะและวิปัสสนา หรือจากมรรคและผล คือจะเสื่อมเสียจากคุณธรรมที่ตนบรรลุแล้ว แม้หามิได้ จะไม่บรรลุคุณธรรมที่ตนยังไม่ได้บรรลุก็หามิได้.
               บาทพระคาถาว่า นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก ความว่า ตั้งอยู่ในที่ใกล้ทีเดียวแห่งกิเลสปรินิพพาน (การดับกิเลส) บ้าง อนุปาทาปรินิพพาน (การดับด้วยหาเชื้อมิได้) บ้าง.
               ในกาลจบพระคาถา พระติสสเถระผู้มีปกติอยู่ในนิคม บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว. ชนแม้เหล่าอื่นเป็นอันมากได้เป็นอริยบุคคล มีพระโสดาบันเป็นต้น.
               เทศนามีผลมากแก่มหาชนดังนี้แล.

               เรื่องพระติสสเถระผู้มีปกติอยู่ในนิคม จบ.               
               อัปปมาทวรรควรรณนา จบ.               
               วรรคที่ ๒ จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒ จบ.
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 11อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 12อ่านอรรถกถา 25 / 13อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=330&Z=365
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=19&A=1
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=19&A=1
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๖  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :