บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ปณฺฑุปลาโส ได้แก่ ใบไม้แก่ที่หล่น. บทว่า ชาลกชาโต ได้แก่ มีปุ่มใบและดอกเกิดพร้อมกัน ด้วยว่าปุ่มใบและปุ่มดอกของต้นทองหลางนั้นออกพร้อมกันทีเดียว. บทว่า ขารกชาโต ความว่า ประกอบแล้วด้วยปุ่มใบอ่อนและปุ่มดอกอันแตกงาม แต่ตั้งอยู่แยกกันคนละส่วน. บทว่า กุฑุมลกชาโต ได้แก่ เกิดเป็นดอกตูม. บทว่า โกกาสกชาโต ความว่า ประกอบด้วยดอกทั้งหลายที่มีหน้าดอกเจือกัน มีท้องดอกใหญ่ ยังไม่บาน (คือแย้ม). บทว่า ทิพฺเพ จตฺตาโร มาเส ความว่า ตลอด ๔ เดือนโดยอายุทิพย์. แต่เมื่อนับตามอายุมนุษย์ ย่อมมีอายุถึงหมื่นสองพันปี. บทว่า ปริจาเรนฺติ ความว่า เทวดาเหล่านั้นย่อมบำเรออินทรีย์ทั้งหลายเที่ยวไปข้างโน้นและข้างนี้. อธิบายว่า ย่อมเล่น ย่อมร่าเริง. บทว่า อาภาย ผุฏํ โหติ ความว่า สถานที่เท่านี้เป็นอันรัศมีต้องแล้ว ก็รัศมีของดอกไม้เหล่านั้นย่อมเป็นเหมือนแสงแห่งอาทิตย์ทอแสงอ่อนๆ ใบของดอกไม้เหล่านั้นมีขนาดเท่าร่มใบไม้ ภายในดอกมีละอองเกษรขนาดทนานใบใหญ่. แต่เมื่อต้นปาริฉัตตกะดอกบานแล้ว ไม่ต้องมีกิจในการขึ้นต้น ไม่มีกิจเอาไม้สอยให้ลงมา ไม่ต้องเอาผอบเพื่อนำดอกไม้มา ลมสำหรับจะตัดก็เกิดขึ้น ตัดดอกไม้จากขั้ว ลมสำหรับรับก็จะรับดอกไม้ไว้ ลมสำหรับส่งก็จะส่งสู่เทวสภาชื่อสุธรรมา. ลมสำหรับกวาดก็จะนำดอกไม้เก่าๆ ออกไปเสีย. ลมปูลาดก็จะโรยใบกลีบและเกษร ดอกปูลาดไว้ ก็จะมีธรรมาสน์อาสนะแสดงธรรมตรงกลาง. อาสนะสำหรับท้าวสักกเทวราช ถูกปูลาดถัดจากธรรมาสน์ มีเศวต ลำดับนั้น เกลียวละอองเกษรจากดอกไม้ ฟุ้งขึ้นกระทบกลีบข้างบนตกลงมา กระทำให้อัตตภาพประมาณ ๓ คาวุธ ของเทวดาทั้งหลาย ดุจตกแต่งรดด้วยน้ำครั่ง หรือดุจเลื่อมเหลืองด้วยละอองทองคำฉะนั้น. แต่เทพบางพวกต่างถือดอกไม้องค์ละดอก แล่นตีกันและกัน แม้เวลาที่แล่นตีกันละอองเกษรขนาดเท่าทะนานใหญ่จะฟุ้งกระจายออกกระทำให้สรีระ เป็นเหมือนย้อมด้วยมโนสิลา น้ำชาดเกิดเองด้วยละอองหอมที่มีรัศมี การเล่นกันนั้น ๔ เดือนจึงสิ้นสุดลงด้วยอาการอย่างนั้น. บทว่า อยมานุภาโว ความว่า นี้เป็นอานุภาพ เพื่อแผ่ไปตามลำดับ. บัดนี้ เพราะเหตุที่พระศาสดาไม่มีพระประสงค์ด้วยต้นไม้ปาริฉัตตกะ แต่ทรงประสงค์จะทรงแสดงอริยสาวก ๗ จำพวก เปรียบเทียบกับต้นไม้ปาริฉัตตกะนั้น ฉะนั้น เพื่อจะทรงแสดงพระอริยสาวกเหล่านั้น จึงตรัสคำเป็นอาทิว่า เอวเมว โข ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปพฺพชฺชาย เจเตติ ความว่า พระอริยสาวกคิดว่าเราจักบวช ดังนี้. บทว่า เทวานํ ความว่า เหมือนของเหล่าเทพ. บทว่า ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ ความว่า เสียงสาธุการ นับตั้งแต่พื้นแผ่นดินจนถึงพรหมโลก เป็นเสียงเดียวกันหมด. บทว่า อยมานุภาโว ความว่า นี้เป็นอานุภาพเพื่อการแผ่ไปตามลำดับของภิกษุผู้ขีณาสพ. แต่ในพระสูตรนี้ จตุปาริสุทธิศีลอิงอาศัยบรรพชา. กสิณบริกรรมอิงอาศัยปฐมฌาน, มรรค ๓ ผล ๓ พร้อมด้วยวิปัสสนาอิงอาศัยอรหัตตมรรค. เทศนาย่อมกำหนดได้อย่างต่ำบ้าง อย่างสูงบ้าง ทั้ง ๒ อย่างบ้าง. แต่ในพระสูตรนี้กำหนดทั้ง ๒ อย่าง เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคำนี้ไว้. ก็ในพระสูตรนี้พึงทราบว่า พระผู้มีพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสวัฏฏะและวิวัฏฏะไว้แล้วโดยย่อ. จบอรรถกถาปาริฉัตตกสูตรที่ ๕ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต มหาวรรคที่ ๒ ๕. ปาริฉัตตกสูตร จบ. |