ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 22 / 1อ่านอรรถกถา 22 / 315อรรถกถา เล่มที่ 22 ข้อ 316อ่านอรรถกถา 22 / 317อ่านอรรถกถา 22 / 388
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ ธรรมิกวรรคที่ ๕
๓. อิณสูตร

               อรรถกถาอิณสูตรที่ ๓               
               พึงทราบวินิจฉัยในอิณสูตรที่ ๓ ดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า ทาลิทฺทิยํ ได้แก่ ความเป็นผู้ยากจน.
               บทว่า กามโภคิโน ได้แก่ สัตว์ผู้บริโภคกาม.
               บทว่า อสฺสโก ได้แก่ ปราศจากทรัพย์ที่เป็นของของตน.
               บทว่า อนทฺธิโก ได้แก่ ไม่มั่งคั่ง.
               บทว่า อิณํ อาทิยติ ได้แก่ เมื่อไม่สามารถจะเป็นอยู่ได้ก็กู้หนี้ยืมสิน.
               บทว่า วฑฺฒึ ปฏิสฺสุณาติ ได้แก่ เมื่อไม่สามารถจะใช้คืนให้ ก็ให้สัญญาว่าจักให้ดอกเบี้ย.
               บทว่า อนุจรนฺติปิ นํ ความว่า (เจ้าหนี้ทั้งหลาย) ไล่ตามหลังลูกหนี้ไป ทำให้เขาได้รับประการอันแปลกประหลาดด้วยการกระทำมีการจับตากแดด และโปรยฝุ่นลงเป็นต้น ในท่ามกลางบริษัทและท่ามกลางคณะเป็นต้น.
               บทว่า สทฺธา นตฺถิ ได้แก่ ไม่มีแม้แต่ศรัทธาคือการปลงใจเชื่อ.
               บทว่า หิริ นตฺถิ ได้แก่ ไม่มีแม้แต่อาการที่จะละอายใจ.
               บทว่า โอตฺตปฺปํ นตฺถิ ได้แก่ ไม่มีแม้แต่อาการหวาดกลัว.
               บทว่า วิริยํ นตฺถิ ได้แก่ ไม่มีแม้แต่ความเพียรที่เป็นไปทางกาย.
               บทว่า ปญฺญา นตฺถิ ได้แก่ ไม่มีแม้แต่กัมมัสสกตาปัญญา.
               บทว่า อิณาทานสฺมึ วทามิ ได้แก่ เรากล่าวถึงการกู้หนี้ยืมสิน.
               บทว่า มา มํ ชญฺญู ได้แก่ ขอเจ้าหนี้ทั้งหลายอย่าพบตัวเรา.
               บทว่า ทาลิทฺทิยํ ทุกขํ ได้แก่ ความเป็นผู้จนทรัพย์เป็นเหตุให้เกิดทุกข์.
               บทว่า กามลาภาภิชปฺปินํ ได้แก่ ผู้ปรารถนาการได้กาม.
               บทว่า ปาปกมฺมํ วินิพฺพโย ได้แก่ ผู้ก่อบาปกรรม.
               บทว่า สํสปฺปติ ได้แก่ ดิ้นรน.
               บทว่า ชานํ ได้แก่ รู้อยู่.
               บทว่า ยสฺส วิปฺปฏิสารชา ความว่า ความดำริเหล่าใดของบุคคลผู้ยากจนนั้นเกิดมาจากความเดือดร้อน.
               บทว่า โยนิมญฺญตรํ ได้แก่ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานกำเนิดหนึ่ง.
               บทว่า ททํ จิตฺตํ ปสาทยํ ความว่า ทำจิตให้เลื่อมใสให้.
               บทว่า กฏคฺคาโห ได้แก่ การได้ชัยชนะคือการได้ที่ไม่ผิดพลาด มีอยู่.
               บทว่า ฆรเมสิโน ได้แก่ ผู้แสวงหา หรืออยู่ครองเรือน.
               บทว่า จาโค ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ ความว่า บุญที่เป็นไปในสงฆ์ คือจาระย่อมเจริญ. อีกอย่างหนึ่ง บาลีว่า จาคํ ปุญฺญํ ดังนี้ก็มี.
               บทว่า ปติฏฐิตา ความว่า ศรัทธาของพระโสดาบัน ชื่อว่าศรัทธาที่ตั้งมั่น.
               บทว่า หิริมโน ได้แก่ จิตสัมปยุตด้วยหิริ.
               บทว่า นิรามิสํ สุขํ ได้แก่ สุขที่อาศัยฌาน ๓ เกิดขึ้น.
               บทว่า อุเปกฺขํ ได้แก่ อุเบกขาในจตุตถฌาน.
               บทว่า อารทฺธวิริโย ได้แก่ มีความเพียรประคับประคองไว้เต็มที่.
               บทว่า ฌานานิ อุปสมฺปชฺช ได้แก่ บรรลุฌาน ๔.
               บทว่า เอโกทิ นิปโก สโต ได้แก่ มีจิตเป็นเอกัคคตา และประกอบด้วยกัมมัสสกตาญาณและสติ.
               บทว่า เอตํ ญฺตวา ยถาภูตํ ความว่า รู้จักเหตุนี้คือเท่านี้ ตามสภาพที่เป็นจริง.
               บทว่า สพฺพสํโยชนกฺขเย ได้แก่ ในนิพพาน.
               บทว่า สพฺพโส ได้แก่ โดยอาการทั้งปวง.
               บทว่า อนุปาทาย ได้แก่ ไม่ยึดถือ.
               ในบทว่า สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจติ มีคำอธิบายดังนี้ว่า
               เพราะไม่ยึดถือโดยประการทั้งปวงในนิพพาน กล่าวคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง. มรรคจิตจึงหลุดพ้นโดยชอบ คือ โดยเหตุ โดยนัย.
               พระสังคีติกาจารย์เขียนบาลีเป็น เอวํ ญฺตวา ยถาภูตํ สพฺพสํโยชนกฺขยํ ดังนี้ก็มี. บาลีนั้นมีความหมายว่า รู้นิพพาน กล่าวคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งหมดนั่นตามเป็นจริง. แต่ว่าความหมายบาลีบทหน้ากับบทหลังไม่เชื่อมต่อกันเลย.
               บทว่า ตสฺส สมฺมาวิมุตฺตสฺส ความว่า พระขีณาสพนั้น คือผู้หลุดพ้นโดยชอบ.
               บทว่า ญาณํ เจ โหติ ได้แก่ มีปัจจเวกขณญาณ.
               บทว่า ตาทิโน ได้แก่ ผู้ดำรงมั่นอยู่ในนิพพานนั้น.
               บทว่า อกุปฺปา ความว่า (วิมุตติ) ชื่อว่าไม่กำเริบ เพราะมีธรรมไม่กำเริบเป็นอารมณ์ และเพราะไม่มีกิเลสเครื่องทำให้กำเริบ.
               บทว่า วิมุตฺติ หมายถึง ทั้งมรรควิมุตติ ทั้งผลวิมุตติ.
               บทว่า ภวสํโยชนกฺขเย ความว่า เพราะเกิดขึ้นในนิพพานกล่าวคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งกิเลสเครื่องผูกสัตว์ไว้ในภพ และเพราะเกิดขึ้นในที่สุดที่กิเลสเครื่องผูกสัตว์ไว้ในภพสิ้นไป.
               บทว่า เอตํ โข ปรมํ ญาณํ ความว่า มรรคญาณและผลญาณนั่น ชื่อว่าบรมญาณ (ญาณอันยอดเยี่ยม).
               บทว่า สุขมนุตฺตรํ ความว่า สุขเกิดแต่มรรคและผลนั้นแลชื่อว่าอนุตรสุข (สุขอันยอดเยี่ยม).
               บทว่า อานณฺยมุตฺตมํ ความว่า บรรดาคนที่ไม่มีหนี้ทั้งหมด พระขีณาสพผู้ที่ไม่มีหนี้เป็นผู้สูงสุด. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรวมยอดใจความสำคัญของเทศนา ด้วยอรหัตผลว่า อรหัตผลเป็นญาณไม่มีหนี้อันสูงสุด.
               และในสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสวัฏฏะไว้ก่อน แล้วจึงได้ตรัสทั้งวัฏฏะและวิวัฏฏะไว้ในคาถาทั้งหลายแล.

               จบอรรถกถาอิณสูตรที่ ๓               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ ธรรมิกวรรคที่ ๕ ๓. อิณสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 22 / 1อ่านอรรถกถา 22 / 315อรรถกถา เล่มที่ 22 ข้อ 316อ่านอรรถกถา 22 / 317อ่านอรรถกถา 22 / 388
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=8303&Z=8388
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=16&A=2843
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=16&A=2843
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :