บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า สมฺโมทนียํ ได้แก่ ให้เกิดการบันเทิงใจ. บทว่า สาราณียํ ได้แก่ ที่สมควรให้ระลึกถึงกัน. บทว่า วีติสาเรตฺวา แปลว่า ครั้น (ให้ระลึกถึงกัน) เรียบร้อยแล้ว. บทว่า กิตฺตาวตา แปลว่า โดยเหตุกี่อย่าง. บทว่า สนฺทิฏฺฐิโก ธมฺโม โหติ ความว่า เป็นธรรมที่จะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง. บทว่า อกาลิโก ความว่า ไม่ให้ผลในกาลอื่น. ด้วยบทว่า เอหิปสฺสิโก นี้ พราหมณ์ทูลถามถึงอาคมนียปฏิปทาว่า พระธรรมอันผู้ปฏิบัติสามารถเพื่อจะชี้ได้อย่างนี้ว่า เอหิ ปสฺส (ท่านจงมาดูเถิด) ดังนี้. บทว่า โอปนยิโก ความว่า พึงน้อมจิตของตนเข้าไปหา. บทว่า ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ ความว่า พึงทราบได้ด้วยตนเองนั่นแหละ. บทว่า วิญฺญูหิ ได้แก่ บัณฑิตทั้งหลาย. บทว่า ปริยาทินฺนจิตฺโต ได้แก่ เป็นผู้มีจิตอันราคะถือเอาแล้ว จับแล้วและลูบคลำแล้ว. บทว่า เจเตติ แปลว่า คิด. คำที่เหลือในพระสูตรง่ายทั้งนั้นแล. แต่ในพระสูตรนี้ พราหมณ์ทูลถามถึงโลกุตรมรรค แม้พระบรมศาสดาก็ตรัสโลกุตรมรรคนั้นเหมือนกัน. ด้วยว่าโลกุตรมรรคนั้น ชื่อว่าสันทิฏฐิกะ เพราะจะต้องเห็นด้วยตนเอง ฉะนี้แล. จบอรรถกถาพราหมณสูตรที่ ๓ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ พราหมณวรรคที่ ๑ ๓. พราหมณสูตร จบ. |