บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
สุขุมาลชาติ บทว่า ปรมสุขุมาโล คือ เป็นผู้ไม่มีทุกข์อย่างยิ่ง. บทว่า อจฺจนฺตสุขุมาโล คือ เป็นผู้ไม่มีทุกข์ตลอดกาล. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำนี้ เพราะทรงหมายถึงว่า พระองค์ไม่มีทุกข์ นับตั้งแต่เสด็จอุบัติในเมืองกบิลพัสดุ์. แต่ในเวลาที่ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ทุกข์ที่ บทว่า เอกตฺถา คือ ในสระโบกขรณีแห่งหนึ่ง. บทว่า อุปฺปลํ วปฺปติ ความว่า เขาปลูกอุบลเขียวไว้. สระโบกขรณีนั้นดาดาษ บทว่า ปทุมํ ได้แก่ บัวขาว. บทว่า ปุณฑริกํ๑- ได้แก่ บัวแดง. สระโบกขรณีทั้งสอง สระนอกนี้ดาดาษไปด้วยบัวขาวและบัวแดงดังพรรณนามานี้. ____________________________ ๑- บาลีว่า ปทุมํ ได้แก่ บัวแดง. ปุณฑริกํ ได้แก่ บัวขาว. วิสสุกรรมเทพบุตรสร้างสระโบกขรณี เวลานั้น ท้าวสักกเทวราชทรงใคร่ครวญดูทรงทราบความเป็นไปนั้นแล้ว ทรงดำริว่า เครื่องใช้ของมนุษย์ไม่สมควรแก่พระโพธิสัตว์เลย เครื่องใช้ทิพย์ (ต่างหาก) จึงสมควร ดังนี้ แล้วตรัสเรียกวิสสุกรรมเทพบุตรมาตรัสว่า ไปเถิดพ่อ พ่อจงสร้างสระ วิสสุกรรมเทพบุตรทูลถามว่า จะให้มีลักษณะอย่างไร พระเจ้าข้า. ท้าวสักกะรับสั่งว่า สระโบกขรณีต้องไม่มีโคลนเลน เกลื่อนกล่นด้วยแก้วมณี แก้วมุกดาและแก้วประพาฬ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ๗ ประการ พร้อมมูลด้วยบันไดที่มีขั้นบันไดทำด้วยทอง เงินและแก้วมณี มีราวบันไดทำด้วยแก้วมณี มีซุ้มบันไดทำด้วยแก้วประพาฬ และในสระนี้ต้องมีเรือทำด้วยทอง เงิน แก้วมณีและแก้วประพาฬ ในเรือทองต้องมีบัลลังก์เงิน ในเรือเงินต้องมีบัลลังก์ทอง ในเรือแก้วมณีต้องมีบัลลังก์แก้วประพาฬ ในเรือแก้วประพาฬต้องมีบัลลังก์แก้วมณี ต้องมีทะนานตักน้ำทำด้วยทอง เงิน แก้วมณี และแก้วประพาฬ และสระโบกขรณีต้องดาดาษด้วยปทุม ๕ ชนิด. วิสสุกรรมเทพบุตรรับพระบัญชาท้าวสักกเทวราชว่า ได้ พระเจ้าข้า ดังนี้แล้ว ลงมาตอนกลางคืนสร้างสระโบกขรณีโดยทำนองนั้นนั่นแล ในที่ที่พระราชารับสั่งให้เลือกเอา. ถามว่า ก็สระโบกขรณีเหล่านี้ ไม่มีโคลนเลนมิใช่หรือ แล้วปทุมทั้งหลายบานในสระนี้ได้อย่างไร. ตอบว่า ได้ยินว่า วิสสุกรรมเทพบุตรนั้นสร้างเรือลำเล็กๆ ที่ทำด้วยทอง เงิน แก้วมณีและแก้วประพาฬไว้ตามที่ต่างๆ ในสระโบกขรณีเหล่านั้น แล้วอธิษฐานว่า เรือเหล่านี้จงเต็มด้วยโคลนเลนเถิด และขอบัว ๕ ชนิดจงบานในเรือนี้เถิด. บัว ๕ ชนิดก็บานแล้วด้วยประการดังพรรณนามาฉะนี้. ละอองเกษรก็ฟุ้ง. หมู่ภมร ๕ ชนิดก็พากันบินเคล้าคลึง. วิสสุกรรมเทพบุตรสร้างสระโบกขรณีเหล่านั้นเสร็จอย่างนี้แล้ว ก็กลับไปยัง ครั้นราตรีสว่าง มหาชนเห็นแล้วก็คิดกันว่า สระโบกขรณีคงจักมีใครนิรมิตถวายพระมหาบุรุษเป็นแน่ จึงพากันไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ. พระราชามีมหาชนห้อมล้อม เสด็จไปทอดพระเนตรดูสระโบกขรณีก็ทรงโสมนัสว่า สระโบกขรณีเหล่านี้ เทวดาคงจักนิรมิตขึ้นด้วยบุญฤทธิ์แห่งโอรสของเรา. ตั้งแต่นั้นมา พระมหาบุรุษก็เสด็จไปทรงเล่นน้ำ. บทว่า ยาวเทว ในบทว่า ยาวเทว มมตฺถาย นี้ เป็นคำกำหนดถึงเขตแดงแห่งการประกอบ. อธิบายว่า เพียงเพื่อประโยชน์แก่เราเท่านั้น ไม่มีเหตุอย่างอื่นในเรื่องนี้. บทว่า น โข ปนสฺสาหํ ตัดบทเป็น น โข ปนสฺส อหํ. บทว่า กาสิกํ จนฺทนํ ได้แก่ไม้จันทน์แคว้นกาลี เนื้อละเอียดอ่อน. บทว่า กาสิกํ สุ เม ตํ ภิกฺขเว เวฐนํ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ผ้าโพกศีรษะของเรา ก็เป็นผ้าแคว้นกาสี. ก็คำว่า สุ และ ตํ ในบทว่า กาสิกํ สุ เม ตํ เวฐนํ นี้เป็นเพียงนิบาต. บทว่า เม เป็นฉัฏฐีวิภัติ. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ผ้าโพกศีรษะของเราตถาคตเนื้อละเอียดแท้. บทว่า กาสิกา กญฺจุกา ได้แก่ แม้ฉลองพระองค์ ก็เป็นฉลองพระองค์ชนิดละเอียดอ่อน.๑- ____________________________ ๑- ปาฐะว่า ปารุปนกญฺจุโก จ สีสกญฺจุโก จ ฉบับพม่าเป็น ปารุปนกญฺจุโกปิ สณฺนกญจโก จ แปลตามฉบับพม่า. บทว่า เสตจฺฉตฺตํ ธารียติ ความว่า |