บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า อวิภาวิตํ ความว่า ไม่เจริญ คือไม่เป็นไปด้วยอำนาจภาวนา. บทว่า อกมฺมนิยํ โหติ ได้แก่ ย่อมไม่ควรแก่งาน คือไม่คู่ควรแก่งาน. อรรถกถาสูตรที่ ๒ ก็บทว่า จิตฺตํ ในสูตรที่ ๑ นั้นได้แก่จิตที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจวัฏฏะ. (ในสูตรที่ ๒ ได้แก่จิตที่เกิดด้วยอำนาจวัฏฏะ). ก็ในสองอย่างนั้น พึงทราบความแตกต่างกันดังนี้ คือ วัฏฏะ วัฏฏบาท วิวัฏฏะ วิวัฏฏบาท กรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ ชื่อว่าวัฏฏะ กรรมคือการกระทำเพื่อได้วัฏฏะ ชื่อว่าวัฏฏบาท โลกุตรธรรม ๙ ชื่อว่าวิวัฏฏะ กรรมคือการปฏิบัติเพื่อได้วิวัฏฏะ ชื่อว่าวิวัฏฏบาท. ท่านกล่าววัฏฏะและวิวัฏฏะไว้ในสูตรเหล่านี้ด้วยประการฉะนี้ อรรถกถาสูตรที่ ๓ บทว่า มหโต อนตฺถาย สํวตฺตติ ความว่า จิตแม้ให้เทวสมบัติ มนุษยสมบัติและความเป็นใหญ่ในมารและพรหม ยังให้ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสเนืองๆ และให้วัฏฏะ คือขันธ์ ธาตุ อายตนะและปฏิจจสมุปบาท ย่อมให้แต่กองทุกข์อย่างเดียวเท่านั้น เพราะเหตุนั้น ชื่อว่าย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่. อรรถกถาสูตรที่ ๔ อรรถกถาสูตรที่ ๕-๖ จิตแม้เกิดด้วยอำนาจวัฏฏะ ก็ชื่อว่าไม่อบรม ไม่ปรากฏ เพราะเหตุไร? เพราะไม่สามารถจะแล่นไปในวิปัสสนาที่มีฌานเป็นบาท มรรคผลและนิพพานอันเป็นโลกุตตระ ส่วนจิตที่เกิดด้วยอำนาจวิวัฏฏะ ชื่อว่าเป็นจิตอบรมแล้ว ปรากฏแล้ว เพราะเหตุไร? เพราะสามารถแล่นไปในธรรมเหล่านั้นได้. ส่วนท่านพระปุสสมิตตเถระผู้อยู่กุรุนทกวิหารกล่าวว่า ผู้มีอายุ มรรคจิตเท่านั้นชื่อว่าเป็นจิตอบรมแล้ว ปรากฏแล้ว. อรรถกถาสูตรที่ ๗-๘ บทว่า อพหุลีกตํ ได้แก่ ไม่กระทำบ่อยๆ พึงทราบเฉพาะจิตที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจวัฏฏะและวิวัฏฏะทั้ง ๒ ดวงแม้นี้แล. อรรถกถาสูตรที่ ๙ (จิต) ชื่อว่านำทุกข์มาให้ เพราะชักมาคือนำมาซึ่งวัฏฏทุกข์ ที่ตรัสไว้โดยนัยมีอาทิว่า ชาติปิ ทุกฺขา (แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์) บาลีว่า ทุกฺขาธิวาหํ ดังนี้ก็มี ความแห่งบาลีนั้นพึงทราบดังต่อไปนี้ว่า จิตชื่อว่าทุกขาธิวาหะ เพราะยากที่จะถูกนำส่งตรงต่ออริยธรรมอันมีฌานที่เป็นบาทของโลกุตตระเป็นต้น แม้จิตนี้ก็คือจิตที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจวัฏฏทุกข์นั่นเอง. จริงอยู่ จิตนั้น แม้จะให้เทวสมบัติและมนุษย์สมบัติมีประการดังกล่าวแล้ว ก็ชื่อว่านำทุกข์มาให้ เพราะนำชาติทุกข์เป็นต้นมาให้ และชื่อว่ายากที่จะนำไป เพราะส่งไปเพื่อบรรลุอริยธรรมได้โดยยาก. อรรถกถาสูตรที่ ๑๐ จิตก็คือจิตที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจวิวัฏฏะนั่นแหละ. จริงอยู่ จิตชื่อว่าสุขาธิวหะหรือสุขาธิวาหะ เพราะอรรถว่าชักมา คือนำมาซึ่งทิพยสุขอันละเอียดประณีตกว่าสุขของมนุษย์, ซึ่งฌานสุขอันละเอียดประณีตกว่าทิพยสุข, ซึ่งวิปัสสนาสุขอันละเอียดประณีตกว่าฌานสุข, ซึ่งมรรคสุขอันละเอียดประณีตกว่าวิปัสสนาสุข, ซึ่งผลสุขอันละเอียดประณีตกว่ามรรคสุข, ซึ่งนิพพานสุขอันละเอียดประณีตกว่าผลสุข. จริงอยู่ จิตนั้นเป็นจิตสะดวกที่จะส่งตรงต่ออริยธรรม ซึ่งมีฌานอันเป็นบาทของโลกุต ในวรรคนี้ท่านกล่าววัฏฏะและวิวัฏฏะเท่านั้นแล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐ จบอรรถกถาอกัมมนิยวรรค ๓ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกธัมมาทิบาลี อกัมมนิยวรรคที่ ๓ จบ. |