บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] อรรถกถาวรรคที่ ๖ เรื่องอุบาสกมีตำแหน่งเป็นเลิศ ๑๐ คน อรรถกถาสูตรที่ ๑ ๑. ประวัติตปุสสะและภัลลิกะอุบาสก ด้วยบทว่า ปฐมํ สรณํ คจฺฉนฺตานํ ท่านแสดงว่า พ่อค้าสองคน คือ ตปุสสะ ๑ ภัลลิกะ ๑ เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้ถึงสรณะก่อนคนทั้งปวง. ได้ยินว่า พ่อค้าทั้งสองนี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ถือเอาปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงหังสวดี. ต่อมา ได้ฟังธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสกสองคนไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้ถึงสรณะเป็นคนแรก จึงกระทำกุศล เขาทั้งสองเวียนว่ายตายเกิดไปในเทวดาและมนุษย์สิ้นแสนกัป มาบังเกิดใน สมัยต่อมา พวกเขาอยู่ครองเรือน เทียมเกวียน ๕๐๐ เล่มเที่ยวทำการค้าขายตลอดมาเป็นเวลานาน. ในสมัยนั้น พระโพธิสัตว์ของพวกเราทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ประทับอยู่ที่โคนต้นโพธิ ๗ สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ ๘ ประทับนั่งที่โคนต้นเกด. ในสมัยนั้น พ่อค้าทั้งสองนั้นได้มาถึงสถานที่นั้นพร้อมกับเกวียนประมาณ ๕๐๐ เล่ม. มารดาของสองพ่อค้านั้นเกิดเป็นเทวดาอยู่ในที่แถวนั้นในอัตภาพติดต่อกัน ๕ อัตภาพ. นางคิดว่า บัดนี้ พระพุทธเจ้าควรที่จะได้รับพระกระยาหาร เพราะต่อแต่นี้ไปพระองค์ปราศจากพระ พวกเขาต่างพูดว่า นี่อะไรกัน อะไรกันนี่ จึงพากันตรวจดูนิมิตต่างๆ. ทีนั้น เทพยดานั้นทราบว่าเขาทั้งสองลำบาก จึงเข้าสิงในร่างของบุรุษคนหนึ่งแล้วกล่าวว่า เพราะเหตุไร พวกท่านจึงต้องลำบาก ไม่มียักษ์อื่นกลั่นแกล้ง ไม่มีภูตผีกลั่นแกล้ง ไม่มีนาคกลั่นแกล้งพวกท่านดอก แต่เราเป็นมารดาของพวกท่านในอัตภาพที่ ๕ บังเกิดเป็นภุมเทวดาอยู่ในที่นี้ นั่นพระทศพลประทับนั่งอยู่ที่โคนต้นเกด ขอพวกเจ้าจงถวาย พวกเขาได้ฟังถ้อยคำของนางแล้วมีใจยินดี เอาข้าวสัตตุผลและข้าวสัตตุก้อนใส่ถาดทองนำไปยังสำนักของพระศาสดา แล้วกราบทูลว่า ขอพระองค์โปรดทรงรับโภชนะนี้เถิด พระเจ้าข้า. พระศาสดาทรงตรวจดูอาจิณปฏิบัติของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตแล้ว. ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ องค์น้อมถวายบาตรทำด้วยหิน ๔ ในแด่พระองค์. พระศาสดาตรัสว่า ขอผลเป็นอันมากจงสำเร็จแก่ท่านทั้งสองเถิด แล้วทรงอธิษฐานบาตรแม้ทั้ง ๔ ใบให้เป็นบาตรใบเดียวเท่านั้น. ในขณะนั้น พ่อค้าทั้งสองนั้นจึงเอาข้าวสัตตุผงและข้าวสัตตุก้อนใส่ในบาตรของพระตถาคต ในเวลาที่พระองค์เสวยเสร็จแล้วถวายน้ำ ในเวลาเสร็จภัตกิจแล้วถวายบังคม นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ที่นั้น พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่เขาทั้งสอง. ในเวลาจบเทศนา เขาทั้งสองตั้งอยู่ในสรณะ [ทเววาจิกะ] ที่เปล่งวาจาถึงพระพุทธเจ้าและพระธรรมทั้งสองเท่านั้น ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว มีประสงค์จะไปสู่นครของตน จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดประทานเจดีย์สำหรับบูชาแก่พวกข้าพระองค์เถิด. พระศาสดาทรงเอาพระหัตถ์ขวาลูบพระเศียรแล้วประทานเส้นพระเกศธาตุ ๘ เส้นแก่ชนแม้ทั้งสอง ชนทั้งสองนั้นวางพระเกศธาตุไว้ในผอบทองคำนำไปสู่นครของตน ให้บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าที่ยังมีพระชนม์ไว้ที่ประตูอสิตัญชนนคร ในวันอุโบสถก็มีรัศมีสีนิลเปล่งออกมาจากพระเจดีย์ เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยทำนองนี้. ก็ในกาลต่อมา พระศาสดาประทับนั่งในพระเชตวัน เมื่อทรงสถาปนาอุบาสกทั้งหลายไว้ในตำแหน่งต่างๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนาชนทั้งสองนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าอุบาสกทั้งหลายผู้ถึงสรณะก่อนแล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๑ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๖ |