ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓]อ่านอรรถกถา 20 / 1อ่านอรรถกถา 20 / 149อรรถกถา เล่มที่ 20 ข้อ 150อ่านอรรถกถา 20 / 151อ่านอรรถกถา 20 / 596
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี
วรรคที่ ๕

หน้าต่างที่ ๑๐ / ๑๓.

               อรรถกถาสูตรที่ ๑๐               
               ๑๐. ประวัติพระภัททกาปิลานีเถรี               
               ในสูตรที่ ๑๐ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
               ด้วยบทว่า ปุพเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตีนํ ท่านแสดงว่า พระภัททกาปิลานีเถรีเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีปุพเพนิวาสญาณ ตามระลึกขันธสันดานที่เคยอาศัยอยู่ในกาลก่อนได้.
               ได้ยินว่า ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ นางบังเกิดในเรือนแห่งสกุล กรุงหังสวดี ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีบุพเพนิวาสญาณ จึงกระทำกุศลกรรมให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น.
               นางเวียนว่ายตายเกิดไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น ถือเอาปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงพาราณสี กระทำการทะเลาะกับน้องสาวของตน เมื่อน้องสาวนั้นถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็คิดว่า นางนี้ถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว จักให้เราตกอยู่ในอำนาจของตน ดังนี้แล้วจึงรับบาตร จากมือของพระปัจเจกพุทธเจ้า เทอาหารทิ้งเสีย เอาเปือกตมใส่จนเต็มแล้วถวายไป.
               มหาชนต่างติเตียนกันว่า นางนี้เป็นพาล พูดกันว่า เธอทะเลาะกับหญิงผู้ใด ไม่กระทำอะไรแก่หญิงผู้นั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทำผิดอะไรต่อเธอหรือ.
               นางละอายด้วยคำพูดของคนเหล่านั้น จึงรับบาตรมาใหม่ เทเปือกตมออกล้าง เอาฝุ่นหอมขัดสี ใส่อาหารมีรสอร่อย ๔ อย่างจนเต็ม แล้ววางบาตรซึ่งสดใสด้วยเนยใสมีสีประดุจห้องดอกบัวหลวงซึ่งเทลาดหน้าไว้บนมือของพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาไว้ว่า บิณฑบาตนี้เกิดมีแสงสุกใสฉันใด ขอให้สรีระของดิฉันจงมีแสงสุกใสฉันนั้นเถิด.
               เรื่องนี้ทั้งหมดพึงทราบตามนัยที่กล่าวแล้วในเรื่องของพระมหากัสสปเถระ.
               ส่วนพระมหากัสสปเถระถือเอาทางขวา ไปยังโคนต้นไทรชื่อพหุปุตตะ อันเป็นสำนักของพระทศพล. นางภัททกาปิลานีถือเอาทางซ้าย ได้ไปยังอารามของพวกปริพาชก เพราะเหตุที่การบรรพชามาตุคาม พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้ทรงอนุญาต. ต่อเมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงได้บรรพชาแล้ว นางจึงได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักของพระเถรี ในกาลต่อมากระทำวิปัสสนากรรมฐานได้บรรลุพระอรหัต จึงเป็นผู้มีความช่ำชองชำนาญในบุพเพนิวาสญาณ.
               ลำดับนั้น พระศาสดาประทับนั่งในพระเชตวัน เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไว้ในตำแหน่งต่างๆ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีบุพเพนิวาสญาณ ด้วยประการฉะนี้แล.

               จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓]
อ่านอรรถกถา 20 / 1อ่านอรรถกถา 20 / 149อรรถกถา เล่มที่ 20 ข้อ 150อ่านอรรถกถา 20 / 151อ่านอรรถกถา 20 / 596
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=694&Z=715
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=14&A=7123
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=14&A=7123
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๖  ธันวาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :