บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ตํ ปริสํ เอตทโวจ ความว่า ได้ยินว่า นายบ้านนามว่ามณิจูฬกะ นั้นได้มีความคิดว่า กุลบุตรทั้งหลายเมื่อบวช ย่อมละบุตรและภรรยา ทองและเงินก่อนแล้วจึงบวช แลเขาเหล่านั้นครั้นละแล้วบวช จึงไม่อาจรับทองและเงินนั้นได้. นายบ้านนั้นมีความยึดถือเป็นพิเศษ จึงได้กล่าวคำเป็นต้นว่า มา อยฺยา ดังนี้. บทว่า เอกํเสเนตํ ความว่า ท่านพึงทรงจำความที่ควรแก่กามคุณห้านั้น โดยส่วนเดียวว่า ไม่ใช่ธรรมของสมณะ ไม่ใช่ธรรมของศากยบุตร. บทว่า ติณํ ได้แก่ หญ้ามุงเสนาสนะ. บทว่า ปริเยสิตพฺพํ ความว่า เมื่อเรือนที่มุงด้วยหญ้า หรือมุงด้วยอิฐพัง พึงไปยังสำนักของผู้ที่ทำเรือนนั้น บอกว่า เสนาสนะที่ท่านทำ ฝนรั่ว เราไม่อาจอยู่ในเสนาสนะนั้นได้. มนุษย์ทั้งหลายเมื่อทำได้ก็จักทำให้ เมื่อทำไม่ได้ก็จักบอกว่า พวกท่านจงหานายช่างให้ทำ พวกเราจักให้สัญญากะนายช่างเหล่านั้น ครั้นให้นายช่างที่บอกไว้อย่างนั้นทำเสร็จแล้ว พึงบอกแก่มนุษย์เหล่านั้น พวกมนุษย์จักให้ค่าจ้างแก่พวกนายช่าง. ถ้าไม่มี เจ้าของที่อยู่อาศัย ภิกษุผู้ประพฤติภิกขาจารวัตร ควรบอกแม้แก่คนอื่นๆ ให้ทำ. บทว่า ปริเยสิตพฺพํ ตรัสหมายข้อความดังนี้. บทว่า ทารุํ ความว่า เมื่อไม้กลอนหลังคาเป็นต้นในเสนาสนะพัง พึงแสวงหาไม้เพื่อซ่อมแซมสิ่งนั้น. บทว่า สกฏํ ได้แก่ เกวียนชั่วคราวเท่านั้น ทำให้แปลกจากของคฤหัสถ์. มิใช่แต่เกวียนอย่างเดียวเท่านั้น แม้อุปกรณ์อื่นๆ มีมีด ขวานและจอบเป็นต้น ก็ควรแสวงหาอย่างนี้. บทว่า ปุริโส ความว่า ควรแสวงหาคนมาช่วยงาน คือ พูดกะคนใดคนหนึ่งว่า ท่านจักช่วยงานได้ไหม เมื่อเขาบอกว่า กระผมจักช่วย ขอรับ ควรให้เขาทำสิ่งที่ต้องการว่า ท่านจงทำสิ่งนี้ๆ. บทว่า น เตฺววาหํ คามณิ เกนจิ ปริยาเยน ความว่า แต่เรามิได้กล่าวถึงทองและเงินว่า สมณศากยบุตรพึงแสวงหา ด้วยเหตุอะไรๆ เลย. จบอรรถกถามณิจูฬกสูตรที่ ๑๐ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค คามณิสังยุตต์ ๑๐. มณิจูฬกสูตร จบ. |