บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหา ได้แก่ นายขมังธนูผู้แม่นธนู. ธนูที่ใช้กำลัง ๒,๐๐๐ คนโก่ง เรียกชื่อว่า ทัฬหธนู (ธนูหนัก). บุคคลผู้โก่งธนู จับที่คันธนู ซึ่งผูกสายธนูแล้ว อันหนักด้วยเครื่องประกอบที่หัวคันธนูมีโลหะเป็นต้น แล้วยกคันธนูขึ้น ให้พ้นพื้นดิน ชั่วระยะลูกศรหนึ่ง. บทว่า สุสิกฺขิตา ได้แก่ ศิลปะที่เรียนในสำนักอาจารย์ตลอด ๑๒ ปี. บทว่า กตหตฺถา ความว่า ผู้ที่เรียนเฉพาะแต่ศิลปะเท่านั้น ไม่มีการฝึกฝีมือ. ส่วนชนผู้ฝึกฝีมือเหล่านี้ มีความชำนาญที่อบรมมาแล้ว. บทว่า กตูปาสนา ได้แก่ ผู้ที่ประลองศิลปะในราชตระกูลเป็นต้นแล้ว. บทว่า ตสฺส ปุริสสฺส ชโว ความว่า ขึ้นชื่อว่า บุรุษอื่นเห็นปานนี้ไม่เคยมี. ส่วนพระ ได้ยินว่า ในครั้งนั้น พี่น้องชายของพระโพธิสัตว์บอกว่า ข้าแต่พี่ชาย พวกเราจักแล่นแข่งไปกับพระอาทิตย์. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พระอาทิตย์เร็วมาก พวกเจ้าไม่อาจไปเร็วเท่าพระอาทิตย์ได้. พี่น้องกล่าวอย่างนั้นแหละ ๒-๓ ครั้ง คิดว่าจะไปในวันหนึ่ง จึงบินขึ้นไปจับอยู่ ณ ภูเขายุคันธร. พระโพธิสัตว์ถามว่า พี่ชายของเราไปไหน เมื่อเขาตอบว่า ไปแข่งกับพระอาทิตย์ จึงคิดว่า ผู้มีตบะจักพินาศ สงสารพี่ชายทั้งสอง ตนเองจึงไปจับอยู่ในสำนักของพี่ชายทั้งสอง. ครั้นพระอาทิตย์ขึ้น พี่น้องทั้งสองก็บินสู่อากาศพร้อมพระอาทิตย์ทีเดียว. ฝ่ายพระ พี่ชายตัวที่สองบินไปชั่วเวลากินอาหาร ไฟตั้งขึ้นในระหว่างปีก จึงกล่าวอย่างนั้นเหมือนกัน แม้พระโพธิสัตว์ก็ได้กระทำอย่างนั้นแหละ ส่งไปว่า ไปเถิด. ส่วนตนเองบินไปจนเที่ยงวัน คิดว่าสองพี่น้องนี้โง่ บินกลับด้วยคิดว่า เราไม่พึงโง่ ได้บินไปยังกรุงพาราณสีด้วยหมายใจว่า จักเฝ้าพระเจ้าพาราณสีผู้เป็นอทิฏฐสหาย (สหายที่ไม่เคยเห็นกัน). เมื่อพระโพธิสัตว์บินวนอยู่เหนือนครนั้น. นคร ๑๒ โยชน์ได้เป็นเหมือนบาตรที่ฝาบาตรครอบไว้. ขณะเมื่อพระโพธิสัตว์กำลังบินวนอยู่ ได้ปรากฏช่องในที่นั้นๆ แม้พระโพธิสัตว์เองก็ปรากฏเหมือนหงส์หลายพันตัว. พระโพธิสัตว์ลดกำลังลงบินมุ่งหน้าต่อพระราชมณเฑียร. พระราชาทรงตรวจดู ทรงทราบมีหงส์มีกำลังเร็ว เพื่อนรักของเรามาแล้ว ทรงเปิดพระบัญชร จัดตั้งตั่งรัตนะประทับยืนทอดพระเนตรอยู่. พระโพธิสัตว์จับบนตั่งรัตนะ. ลำดับนั้น พระราชาทรงเอาน้ำมันที่หุงตั้งพันครั้งทาปีกทั้งสองของพระโพธิสัตว์แล้วได้พระราชทานข้าวตอกมีรสอร่อยและปานะมีรสอร่อย. ต่อแต่นั้น พระราชาได้ตรัสถามพระโพธิสัตว์ผู้บริโภคเสร็จแล้วว่า เพื่อน ท่านได้ไปที่ไหนมา. พระโพธิสัตว์เล่าเรื่องนั้นแล้ว ทูลว่า มหาราช หม่อมฉันบินไปจนเที่ยงวัน การบินไม่มีประโยชน์ ดังนั้นหม่อมฉันจึงกลับมา. พระราชารับสั่งกะพระโพธิสัตว์ว่า นาย ฉันปรารถนาจะเห็นกำลังความเร็วของท่านกับพระอาทิตย์. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ทำได้ยาก มหาราช พระองค์ไม่อาจจะเห็นได้. พระราชาตรัสว่า นาย ถ้าอย่างนั้น ขอท่านจงแสดงพอให้คล้ายๆ กัน. พระโพธิสัตว์ทูลว่า ดีแล้ว มหาราช ขอพระองค์โปรดให้พวกขมังธนูประชุมกันเถิด. พระราชามีรับสั่งให้พวกขมังธนูประชุมกัน. พญาหงส์ไปพาพวกขมังธนู ๔ คนให้กระทำเสาระเนียดท่ามกลางนคร ให้ประดับลูกธนูที่คอของตน บินขึ้นไปจับบนเสาระเนียด กล่าวว่า ขอนายขมังธนู ๔ คนจงยืนพิงเสาระเนียดผินหน้าไป ๔ ทิศยิงลูกธนูทีละลูก ดังนี้ ตนเองทีแรกบินขึ้นไปพร้อมกับลูกธนูทีเดียว ไม่จับลูกธนูนั้น จับลูกธนูที่ไปทางทิศทักษิณ ซึ่งห่างจากธนูเพียงศอกเดียว ลูกที่ ๒ ห่างเพียง ๒ ศอก ลูกที่ ๓ ห่างเพียง ๓ ศอก จับลูกที่ ๔ ยังไม่ทันตกถึงพื้นดินเลย. ขณะนั้น นายขมังธนูได้เห็นพญาหงส์นั้นในเวลาที่จับลูกธนูทั้ง ๔ ลูกแล้วบินมาเกาะที่เสาระเนียดนั่นเอง. พญาหงส์กราบทูลพระราชาว่า โปรดทรงเห็นเถิด มหาราช ความเร็วของหม่อมฉันเร็วอย่างนี้. พึงทราบว่า ลูกธนูเหล่านั้นพระโพธิสัตว์นำมาในครั้งเสวยพระชาติเป็นหงส์เร็ว ด้วยประการฉะนี้. บทว่า ปุรโต ธาวนฺติ ความว่า แล่นไปก่อนๆ แต่เทวดาเหล่านั้นมิได้อยู่ข้างหน้าตลอดเวลาเลย บางคราวอยู่ข้างหน้า บางคราวอยู่ข้างหลัง. จริงอยู่ ในวิมานพวกอากาสัฏฐกเทวดา มีทั้งอุทยานทั้งสระโบกขรณี. เทวดาเหล่านั้นอาบเล่นกีฬาน้ำในที่นั้น อยู่ข้างหลังบ้าง ไปด้วยกำลังเร็วล้ำหน้าไปอีกก็มี. บทว่า อายุสงฺขารา ท่านกล่าวหมายรูปชีวิตินทรีย์. จริงอยู่ รูปชีวิตินทรีย์นั้นสิ้นไปเร็วกว่าความเร็วของเทวดานั้น. แต่ใครๆ ไม่อาจจะรู้ทั่วถึงการแยกอรูปธรรมได้. จบอรรถกถาธนุคคหสูตรที่ ๖ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค โอปัมมสังยุตต์ ธนุคคหสูตร จบ. |