บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า อชฺฌภาสิ ความว่า ได้ยินว่า เสียงรถ เสียงม้าอาชาไนย เสียงธง เหมือนเสียงฟ้าผ่ารอบด้านมีแก่ท้าวสักกะผู้บ่ายหน้าเข้าป่าไม้งิ้วนั้น. พวกครุฑผู้มีกำลังในป่างิ้วนั้นได้ยินเสียงนั้นแล้ว ก็พากันหนี. พวกครุฑที่แก่เฒ่า ที่หมดแรงเพราะโรค และลูกนกที่ยังไม่เกิดขนปีก ไม่อาจจะหนีได้ กลัวตายตกใจร้องกันระเบ็งเซ็งแซ่. ท้าวสักกะได้ยินเสียงนั้นแล้วจึงตรัสถามสารถีมาตลีว่า เสียงอะไรพ่อ. สารถีมาตลีกราบทูลว่า ข้าแต่เทวะ พวกครุฑได้ยินเสียงรถของพระองค์ ไม่อาจจะหนีได้จึงร้อง. ท้าวสักกะได้ฟังคำนั้นแล้ว มีพระทัยประกอบด้วยพระกรุณา จึงตรัส. บทว่าอีสามุเขน คือ ทางงอนของรถ. รถจะไม่บดขยี้รังนกทางงอน ฉันใด ท่านจงหลีกรังนกนั้นด้วยทางงอนรถ ฉันนั้น. เพราะว่า รถที่เกิดด้วยบุญเป็นปัจจัยมุ่งหน้าไปที่ภูเขาจักรวาลก็ดี ที่ภูเขาสิเนรุก็ดี ย่อมไม่ขัดข้อง ย่อมไปด้วยอำนาจการไปในอากาศ. ถ้าจะพึงไปทางป่างิ้วนั้น เมื่อเกวียนใหญ่ไปกลางป่างาก็ดี กลางป่าละหุงก็ดี ป่าทั้งหมดก็ถูกเหยียบย่ำแหลกฉันใด แม้ป่างิ้วนั้นก็พึงเป็นฉันนั้น. จบอรรถกถากุลาวกสูตรที่ ๖ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค สักกสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑ กุลาวกสูตรที่ ๖ จบ. |