ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 15 / 1อ่านอรรถกถา 15 / 287อรรถกถา เล่มที่ 15 ข้อ 293อ่านอรรถกถา 15 / 295อ่านอรรถกถา 15 / 956
อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวปุตตสังยุต นานาติตถิยวรรคที่ ๓
ชันตุสูตรที่ ๕

               อรรถกถาชันตุสูตรที่ ๕               
               พึงทราบวินิจฉัยในชันตุสูตรที่ ๕ ต่อไป :-
               บทว่า โกสเลสุ วิหรนฺติ ความว่า เหล่าภิกษุเป็นอันมาก รับกัมมัฏฐานในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วพากันไปอยู่แคว้นโกศล.
               บทว่า อุทฺธตา ได้แก่ เป็นผู้มีปกติฟุ้งซ่าน เพราะสำคัญในสิ่งที่ไม่ควรว่าควร สำคัญในสิ่งที่ควรว่าไม่ควร สำคัญในที่ไม่มีโทษว่ามีโทษ สำคัญในสิ่งที่มีโทษว่าไม่มีโทษ.
               บทว่า อุนฺนฬา ได้แก่ มีมานะดุจไม้อ้อที่ชูขึ้น. ท่านอธิบายว่า ยกมานะที่เปล่าๆ ขึ้น.
               บทว่า จปลา ได้แก่ ประกอบด้วยความฟุ้งเฟ้อมีแต่งบาตรจีวรเป็นต้น.
               บทว่า มุขรา แปลว่า ปากกล้า. ท่านอธิบายว่า มีถ้อยคำกร้าว.
               บทว่า วิกิณฺณวาจา ได้แก่ ไม่ประหยัดถ้อยคำ [เพ้อเจ้อ] เจรจาถ้อยคำที่ไร้ประโยชน์ได้ทั้งวัน.
               บทว่า มุฏฺฐสฺสติ ได้แก่ มีสติหายไป เว้นจากสติ กิจที่ทำในที่นี้ ภิกษุทั้งหลายก็หลงลืมเสียในที่นี้.
               บทว่า อสมฺปชานา ได้แก่ ปราศจากความรอบรู้.
               บทว่า อสมาหิตา ได้แก่ เว้นจากสมาธิที่เป็นอัปปนาและอุปจาระ เสมือนเรือที่ผูกไว้ในกระแสน้ำเชี่ยว.
               บทว่า วิพฺภนฺตจิตฺตา ได้แก่ มีจิตไม่มั่นคง เสมือนมฤคร้ายที่ขึ้นทาง.
               บทว่า ปากตินฺทฺริยา ได้แก่ มีอินทรีย์เปิดเหมือนครั้งเป็นคฤหัสถ์ เพราะไม่มีความสำรวม.
               บทว่า ชนฺตุ ได้แก่ เทพบุตรมีนามอย่างนี้.
               บทว่า ตทหุ โปสเถ ได้แก่ ในอุโบสถวันนั้น. อธิบายว่า ในวันอุโบสถ.
               ศัพท์ว่า ปณฺณรเส ห้ามวันอุโบสถ ๑๔ ค่ำเป็นต้นเสีย.
               บทว่า อุปสงฺกมิ ได้แก่ เข้าไปหาเพื่อทักท้วง.
               ได้ยินว่า ชันตุเทพบุตรนั้นคิดว่า ภิกษุเหล่านี้รับกัมมัฏฐานในสำนักของพระศาสดาแล้วพากันออกไป บัดนี้ก็อยู่เป็นผู้ประมาท ก็แต่ภิกษุเหล่านี้ถูกเราทักท้วงในสถานที่นั่งแยกๆ กัน จักไม่ถือคำเรา จำเราจักทักท้วงในเวลาที่มารวมกันถึงวันอุโบสถ รู้ว่าภิกษุเหล่านั้นประชุมกันแล้ว จึงเข้าไปหา.
               บทว่า คาถาย อชฺฌภาสิ ความว่า เทพบุตรยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าภิกษุทั้งหมดได้กล่าวด้วยคาถาทั้งหลาย ในคาถาเหล่านั้น เพราะเหตุที่สภาพมิใช่คุณ [โทษ] ของผู้ไร้คุณ ย่อมปรากฏพร้อมกับการกล่าวคุณ ฉะนั้น เทพบุตรเมื่อกล่าวถึงคุณก่อน จึงกล่าวคาถาว่า สุขชีวิโน ปุเร อาสุํ เป็นต้น.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุขชีวิโน ปุเร อาสุํ ความว่า พวกภิกษุแต่ก่อน เป็นผู้บำรุงเลี้ยงง่าย เทพบุตรกล่าวอย่างนี้ โดยอธิบายว่า พวกภิกษุแต่ก่อนยังชีพให้เป็นไปด้วยอาหารคลุกกัน ซึ่งเที่ยวไปตามลำดับตรอกในตระกูลสูงและต่ำได้มา.
               บทว่า อนิจฺฉา ได้แก่ ปราศจากตัณหา.
               เทพบุตรครั้นกล่าวคุณของเหล่าภิกษุเก่าก่อนอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะกล่าวโทษของภิกษุเหล่านั้น จึงกล่าวว่า ทุปฺโปสํ เป็นต้น.
               บรรดาบทเหล่านั้น ด้วยบทว่า คาเม คามณิกา วิย เทพบุตรกล่าว อธิบายว่า เปรียบเหมือนนายบ้านเยี่ยมประชาชนในตำบลบ้าน ให้ลูกบ้านนำนมสดนมส้มข้าวสารเป็นต้น มากินฉันใด แม้พวกท่านตั้งอยู่ในอเนสนา แสวงหาไม่สมควร มาเลี้ยงชีวิตของพวกท่าน ก็ฉันนั้น.
               บทว่า นิปชฺชนฺติ ได้แก่ ไม่ต้องการด้วยการเรียนอุเทศ สอบถามและใส่ใจกัมมัฏฐาน นอนปล่อยมือเท้าอยู่บนที่นอน.
               บทว่า ปราคาเรสุ ความว่า ในเรือนของผู้อื่น คือในเรือนสะใภ้ของตระกูลเป็นต้น.
               บทว่า มุจฺฉิตา ได้แก่ หมกมุ่นด้วยอำนาจกิเลส.
               บทว่า เอกจฺเจ ได้แก่ พวกที่ควรจะกล่าวถึงนี่แหละ.
               บทว่า อปวิฏฺฐา ได้แก่ ที่เขาทอดทิ้งแล้ว.
               บทว่า อนาถา ได้แก่ ไม่มีที่พึ่ง.
               บทว่า เปตา ได้แก่ คนที่ตายแล้ว เขาทิ้งในป่าช้า เปรียบเหมือนคนตายที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า ย่อมถูกนกต่างๆ เป็นต้นจิกกิน แม้เหล่าญาติก็เป็นที่พึ่งของคนเหล่านั้นไม่ได้ รักษาไม่ได้ คุ้มครองไม่ได้ฉันใด ภิกษุทั้งหลายเห็นปานนั้นก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมไม่ได้รับโอวาทและคำพร่ำสอนแต่สำนักของอาจารย์และอุปัชฌาย์เป็นต้น เพราะฉะนั้น ภิกษุเหล่านั้นจึงถูกทอดทิ้ง ไม่มีที่พึ่ง เป็นเหมือนคนตายที่เขาละทิ้งแล้ว ฉะนั้น.

               จบอรรถกถาชันตุสูตรที่ ๕               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวปุตตสังยุต นานาติตถิยวรรคที่ ๓ ชันตุสูตรที่ ๕ จบ.
อ่านอรรถกถา 15 / 1อ่านอรรถกถา 15 / 287อรรถกถา เล่มที่ 15 ข้อ 293อ่านอรรถกถา 15 / 295อ่านอรรถกถา 15 / 956
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1947&Z=1965
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=11&A=2877
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=11&A=2877
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๘  กันยายน  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :