ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 

อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270221อรรถกถาชาดก 270223
เล่มที่ 27 ข้อ 223อ่านชาดก 270225อ่านชาดก 272519
อรรถกถา จตุมัฏฐชาดก
ว่าด้วย ผู้เลวทราม ๔ อย่าง

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อุจฺเจ วิฏภิมารุยฺห ดังนี้.
มีเรื่องได้ยินว่า วันหนึ่ง เมื่อพระอัครสาวกสองรูปนั่งสนทนา ปรารภการถามและการแก้ปัญหากัน พระแก่รูปหนึ่งไปหาท่านนั่งเป็นรูปที่สาม กล่าวว่า นี่ท่าน ผมจะถามปัญหากะท่าน แม้ท่านก็จงถามข้อสงสัยของตนกะผมบ้าง. พระเถระรังเกียจพระแก่นั้น ลุกหลีกไป. พวกบริษัทที่นั่งเพื่อจะฟังธรรมของพระเถระ จึงพากันไปเฝ้าพระศาสดา ในเวลาที่การประชุมล้มเลิกไป เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า ทำไมพวกเธอมาผิดเวลา จึงกราบทูลเหตุนั้นให้ทรงทราบ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรและโมคคัลลานะรังเกียจพระแก่นั้น ไม่พูดจาด้วยแล้วหลีกไป มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้แต่ก่อนก็พากันหลีกไป แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ในราวป่า ครั้งนั้น ลูกหงส์สองตัวออกจากภูเขาคิชฌกูฏ จับที่ต้นไม้นั้นแล้วไปหาอาหาร เมื่อบินกลับก็พักอยู่ที่ต้นไม้นั้นเอง แล้วกลับไปภูเขาคิชฌกูฏ. เมื่อเวลาผ่านไป หงส์สองตัวก็มีความคุ้นเคยกับพระโพธิสัตว์ เมื่อบินผ่านไปมาต่างก็ชื่นชมสนทนาธรรมกันและกัน แล้วก็หลีกไป.
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อหงส์ทั้งสองจับอยู่บนยอดไม้สนทนากับพระโพธิสัตว์ สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้น เมื่อจะสนทนากับลูกหงส์เหล่านั้น จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
ท่านทั้งสองพากันขึ้นไปบนค่าคบไม้อันสูง อยู่ในที่ลับแล้วปรึกษากัน เชิญท่านลงมาปรึกษากันในที่ต่ำเถิด พญาเนื้อจักได้ฟังบ้าง.


ในบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺเจ วิฏภิมารุยฺห ความว่า พากันขึ้นไปบนค่าคบไม้อันสูงตามปกติ คือสูงกว่าบนต้นไม้นี้.
บทว่า มนฺตยวฺโห ได้แก่ ปรึกษากัน คือคุยกัน.
บทว่า นีเจ โอรุยฺห ได้แก่ เชิญลงมายืนปรึกษากันในที่ต่ำเถิด.
บทว่า มิคราชาปิ โสสฺสติ ได้แก่ สุนัขจิ้งจอกพูดยกตนเป็นพญาเนื้อ.

ลูกหงส์ทั้งสองรังเกียจ จึงพากันบินไปภูเขาคิชฌกูฏ ในเวลาที่หงส์สองตัวกลับไป พระโพธิสัตว์จึงกล่าวคาถาที่ ๒ แก่สุนัขจิ้งจอกว่า :-
ครุฑกับครุฑเขาปรึกษากัน เทวดากับเทวดาเขาพูดกันในเรื่องนี้ จะมีประโยชน์อะไรแก่สุนัขจิ้งจอก ผู้เลวทราม ๔ อย่าง (สรีระ ๑ ชาติ ๑ เสียง ๑ คุณ ๑) เล่า แน่ะสุนัขจิ้งจอกผู้ชาติชั่ว เจ้าจงเข้าโพลงไปเถิด.


ในบทเหล่านั้น บทว่า สุปณฺโณ แปลว่า สัตว์ผู้มีปีกงาม.
บทว่า สุปณฺเณน ได้แก่ ลูกหงส์ตัวที่สอง.
บทว่า เทโว เทเวน ได้แก่ สมมติลูกหงส์ทั้งสองนั้นเป็นเทวดาปรึกษากัน.
บทว่า จตุมุฏฺฐสฺส อธิบายตามตัวอักษรว่า สุนัขจิ้งจอกผู้เลวทราม คือบริสุทธิ์ด้วยเหตุ ๔ อย่าง คือ สรีระ ๑ ชาติ ๑ เสียง ๑ คุณ ๑.
พระโพธิสัตว์ เมื่อจะติเตียนความไม่บริสุทธิ์ด้วยคำสรรเสริญ จึงกล่าวอย่างนี้ ในบทนี้มีอธิบายดังนี้ว่า สุนัขจิ้งจอกชั่วช้า คือลามกด้วยเหตุ ๔ ประการคืออะไร.
บทว่า วิลํ ปวิส คือ พระโพธิสัตว์แสดงอารมณ์อันน่ากลัวนี้ เมื่อจะไล่สุนัขจิ้งจอกให้หนีไปจึงกล่าว.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
ภิกษุแก่ในครั้งนั้น ได้เป็น สุนัขจิ้งจอกในครั้งนี้
ลูกหงส์สองตัวได้เป็น สารีบุตร และ โมคคัลลานะ
ส่วนรุกขเทวดา คือ เราตถาคต นี้แล.

จบ อรรถกถาจตุมัฏฐชาดกที่ ๗
-----------------------------------------------------

.. อรรถกถา จตุมัฏฐชาดก จบ.
อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270221อรรถกถาชาดก 270223
เล่มที่ 27 ข้อ 223อ่านชาดก 270225อ่านชาดก 272519
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=27&A=1360&Z=1368
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก  ๓  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]