พระศาสดา เมื่อเสด็จเข้าไปอาศัยกรุงราชคฤห์
ประทับอยู่ ณ พระวิหารตโปทาราม ทรงปรารภพระเถระชื่อสมิทธิ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกขุ ดังนี้.
ความพิสดารว่า วันหนึ่ง ท่านสมิทธิเถระตั้งความเพียรตลอดคืนยังรุ่ง
พอรุ่งสว่างก็ไปอาบน้ำ ผึ่งกายอันมีสีดุจทองคำให้แห้ง แล้วนุ่งผ้ามือหนึ่งถือผ้าห่มยืนอยู่
พระเถระมีชื่อว่าสมิทธิ เพราะมีอัตภาพสมบูรณ์คล้ายรูปทอง อันนายช่างหล่อหลอมไว้อย่างงดงาม.
ครั้งนั้น เทพธิดานางหนึ่งเห็นส่วนแห่งความงามในร่างกายของพระเถระ ก็มีจิตปฏิพัทธ์
พูดกับพระเถระอย่างนี้ว่า ท่านภิกษุ ท่านยังเด็กเยาว์วัย หนุ่มแน่นมีผมดำประกอบด้วยความหนุ่ม
ทั้งยังเจริญ มีรูปงามน่าดูน่าเลื่อมใส ท่านเป็นเช่นนี้ไม่บริโภคกาม ประโยชน์อะไรด้วยการบรรพชา
จงบริโภคกามเสียก่อนเถิด ภายหลังจึงค่อยบวช บำเพ็ญสมณธรรม.
ครั้นแล้ว พระเถระกล่าวกะเทพธิดาว่า แน่ะเทพธิดา เราไม่รู้ความตายของเราว่า
เราจักตายเมื่ออยู่ในวันโน้น เรากำหนดเวลาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราจักบำเพ็ญสมณธรรม
ในตอนยังเป็นหนุ่มแล้วจักทำที่สุดทุกข์.
เทพธิดา ครั้นไม่ได้การต้อนรับจากพระเถระก็หายไป ณ ที่นั้นเอง.
พระเถระเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แล้วกราบทูลเรื่องราวนั้นให้ทรงทราบ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนสมิทธิ ก็เทพธิดาเล้าโลมเธอ มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น
แม้แต่ก่อน เทพธิดาทั้งหลายก็เล้าโลมนักบวชบัณฑิตเหมือนกัน.
เมื่อทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องอดีต มาตรัสเล่า
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในกาสิกคามตำบลหนึ่ง
ครั้นเจริญวัย ได้เล่าเรียนศิลปศาสตร์ทุกชนิด แล้วบวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด
อาศัยสระแห่งหนึ่ง อยู่ใกล้หิมวันตประเทศ.
ดาบสนั้นบำเพ็ญเพียรอยู่ตลอดคืนยังรุ่ง ในเวลาอรุณขึ้น อาบน้ำแล้วนุ่งผ้าเปลือกไม้ผืนหนึ่ง
จับผืนหนึ่งไว้ ยืนผึ่งสรีระให้แห้ง.
ขณะนั้น เทพธิดานางหนึ่งมองดูอัตภาพอันมีรูปโฉมงดงามของพระดาบส มีจิตปฏิพัทธ์ จึงเล้าโลมพระโพธิสัตว์
กล่าวคาถาแรกว่า :-
ดูก่อนภิกษุ ท่านยังไม่ทันได้บริโภคกามเลย มาเที่ยวภิกษาเสีย
ท่านจะบริโภคกามเสียก่อนแล้ว จึงเที่ยวภิกษาไม่ดีหรือ
ดูก่อนภิกษุ ท่านจงบริโภคกามเสียก่อน แล้วจึงเที่ยวภิกษาเถิด
เวลาบริโภคกาม อย่าล่วงเลยท่านไปเสีย.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ ความว่า ดูก่อนภิกษุ
ท่านยังไม่บริโภควัตถุกาม เนื่องด้วยกิเลสกาม ในคราวเป็นเด็กแล้วเที่ยวขอ.
บทว่า น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ ความว่า ท่านควรบริโภคกามคุณห้าแล้วจึงเที่ยวภิกษามิใช่หรือ
ท่านยังไม่บริโภคกามเลย เที่ยวขอภิกษาเสียแล้ว.
บทว่า ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ ความว่า ดูก่อนภิกษุ ท่านบริโภคกามเสียแต่ยังเป็นหนุ่มก่อน ภายหลังเมื่อแก่แล้วจึงขอเถิด.
บทว่า มา ตํ กาโล อุปจฺจคา ความว่า เวลาบริโภคกามนี้ อย่าล่วงเลยท่านในเวลาหนุ่มเลย.
พระโพธิสัตว์สดับคำของเทพธิดาแล้ว เมื่อจะประกาศอัธยาศัยของตน จึงกล่าวคาถาที่สองว่า :-
เรารู้เวลาตายไม่ได้โดยแท้ เวลาตายยังปกปิดอยู่ หาปรากฏไม่
เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บริโภคกามแล้วเที่ยวภิกษา เวลากระทำสมณธรรมอย่าล่วงเลยเราไปเสีย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โว ในบทว่า กาลํ โวหํ น ชานามิ เป็นเพียงนิบาต
เราไม่รู้เวลาตายของตนอย่างนี้ว่า เราควรตายในปฐมวัย หรือในมัชฌิมวัย หรือในปัจฉิมวัย
ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า :-
บุคคลแม้เป็นอติบัณฑิต ก็ไม่รู้ถึงฐานะห้าอย่าง อันไม่มีนิมิตในชีวโลกนี้ คือ
ชีวิต ๑ พยาธิ ๑ เวลา ๑ ที่ตาย ๑ ที่ไป ๑.
บทว่า ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ ความว่า เพราะเราไม่เห็นกาล
กาลอันปกปิดนี้ คือไม่ปรากฏกาลอันตั้งอยู่อย่างปกปิดว่า เราควรตายเมื่อถึงวัยโน้น หรือ ในฤดูหนาวเป็นต้น.
บทว่า ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ ความว่า เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บริโภคกามคุณแล้วขอ.
บทว่า มา มํ กาโล อุปจฺจคา ความว่า เวลาบำเพ็ญสมณธรรมอย่าล่วงเลยเราไป เพราะเหตุนั้น เราจึงบวช บำเพ็ญสมณธรรมแต่ยังหนุ่ม.
เทพธิดาสดับคำพระโพธิสัตว์แล้ว ก็หายไป ณ ที่นั้นเอง.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
เทพธิดาในครั้งนั้น ได้เป็นเทพธิดานี้ในบัดนี้
เราได้เป็น ดาบส ในสมัยนั้น.
.. อรรถกถา สมิทธิชาดก ว่าด้วย การไม่รู้เวลาตาย จบ.
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=1178&Z=1187
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=37&A=1459
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=37&A=1459
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]