พิมพ์หน้านี้ | ส่งหน้านี้ให้เพื่อน |
 


84000.org
 
       
 

84000.org::...

39-พระมหาโกฏฐิตเถระ
เอตทัคคะในทางผู้แตกฉานในปฏิสัมภิทา ๔

พระมหาโกฏฐิตะ เป็นบุตรพราหมณ์ชื่ออัสสลายนะกับพราหมณีชื่อจันทวดี ในเมือง
สาวัตถี เดิมชื่อว่า “โกฎฐตะ” ตระกูลของท่านจัดว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี ท่านจึงได้รับการ
เลี้ยงดูอย่างดี แต่บิดาของท่านมีทิฏฐิแรงกล้ายึดมั่นในลัทธิศาสนาพราหมณ์อย่างมั่นคง เมื่อท่าน
เจริญวัยได้ศึกษาศิลปวิทยาตามลัทธิศาสนาพราหมณ์จบไตรเพท
เมื่อพระบรมศาสดาตรัสรู้แล้ว เที่ยวจาริกเผยแผ่หลักธรรมคำสอนไปตามคามนิคมต่างๆ
ทั้งในเมืองและชนบท ได้เสด็จถึงหมู่บ้านที่อัสสลายนพราหมณ์ตั้งนิวาสสถานอยู่ ได้ทรมาน
อัสสลายนพราหมณ์ จนละทิฏฐิมานะ และแสดงตนเป็นพุทธมามกะปวารณาตนเป็นอุบาสก ขอ
ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต
  • ทิ้งพราหมณ์ถือพุทธ
    โกฏฐิตมาณพ เห็นบิดาหันมายอมรับนับถือพระรัตนตรัยก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสขึ้นบ้าง
    ต่อมาได้ฟังพระธรรมเทศนาก็ยิงเกิดศรัทธามากขึ้น ถึงกับมีจิตน้อมไปในการออกบวชเพื่อปฏิบัติ
    ตามพระธรรมวินัย จึงกราบทูลขอบวชต่อพระบรมศาสดาพระพุทธองค์ทรงมอบหมายให้
    พระสารีบุตรเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ให้พระมหาโมคคัลลานเถระเป็นพระอาจารย์ ในขณะที่ท่าน
    กำลังโกนผมอยู่นั้นท่านได้พิจารณาในกรรมฐานไปเรื่อย ๆ พอผลัดเปลี่ยนผ้าสาฎกของคฤหัสถ์
    ออกแล้วนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
    ในขณะนั้น พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ๔ วิชชา ๓ และวิโมกข์ ๓
    พระมหาโกฏฐิตะ นั้น แม้ท่านจะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ท่านก็ยังมีปกติฝักใฝ่ใน
    การศึกษา ไม่ว่าท่านจะเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาหรือเข้าไปหาพระเถระรูปอื่น ๆ ท่านก็มักจะถาม
    ปัญหาในปฏิสัมภิทาอยู่เสมอ ๆ จนมีความเชี่ยวชาญแตกฉานในปฏิสัมภิทาเป็นพิเศษ มีเรื่อง
    ปรากฏในมหาเวทัลลสูตรมัชฌิมนิกายว่า
    เป็นผู้แตกฉานเพราชอบถามปัญหา
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์
    พระมหาโกฏฐิตเถระ ได้ขอโอกาสกราบเรียนถามข้อข้องใจกับพระสารีบุตรเถระผู้เป็นพระ
    อุปัชฌาย์ว่า”
    “ข้าแต่พระอุปัชฌาย์ คนเช่นไร ที่เรียกว่าคนทุปัญญา ขอรับ ?”
    “ดูก่อนมหาโกฏฐิติ คนทุปัญญา ก็คือ คนไม่มีปัญญา”
    “เพราะเหตุไร จึงเรียกว่า คนไม่มีปัญญา ขอรับ ?”
    “คนไม่มีปัญญา ก็คือคนไม่รู้ความจริงว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ สิ่งนี้ทำให้เกิดทุกข์ สิ่งนี้เป็น
    ความดับทุกข์ และสิ่งนี้เป็นหนทางให้ถึงความดับทุกข์ ส่วนคนอีกพวกหนึ่งที่รู้ความจริงเหล่านี้
    ท่านเรียกว่า คนมีปัญญา”
    พระมหาโกฏฐิตเถระ ได้กราบเรียนถามต่อไปว่า:-
    “ข้าแต่พระอุปัชฌาย์ ที่เรียกว่า วิญญาณ นั้น หมายความว่าอย่างไร ขอรับ ?”
    “ดูก่อนมหาโกฏฐิติ ที่เรียกว่า วิญญาณ นั้น ก็เพราะรู้สึกสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไม่สุขไม่ทุกข์
    บ้าง”
    “ท่านขอรับ ปัญญากับวิญญาณนี้ รวมกันหรือแยกกัน ขอรับ ?”
    “ดูก่อนมหาโกฏฐิติ ปัญญากับวิญญาณนี้ อยู่รวมกัน ไม่อาจแยกกันได้กล่าวคือ บุคคล
    รู้ในสิ่งใดก็รู้สึกในสิ่งนั้น บุคคลรู้สึกในสิ่งใดก็รู้สิ่งนั้นเป็นต้น”
    พระเถระทั้งสองนั้น ได้สนทนาธรรมในข้อสงสัยต่าง ๆ กันต่อไป พอสมควรแก่กาล
    เวลาแล้ว พระมหาโกฏฐิตเถระ ได้กล่าวแสดงความชื่นชม ยินดีในปรีชาความรู้ของพระ
    อุปัชฌาย์ (พระสารีบุตรเถระ) แล้วจึงกราบลากลับสู่ที่พักของตน
    ด้วยเหตุแห่งการฝักใฝ่ในการศึกษา จนเป็นผู้เชี่ยวชาญในปฏิสัมภิทาเป็นพิเศษนี้
    พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง
    ผู้แตกฉานในปฏิสัมภิทา ๔

ท่านดำรงอายุสังขาร ช่วยกิจการพระศาสนาสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน


ปฏิสัมภิทา ๔
๑. อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
๒. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม
๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติ
๔. ปฏิภาณปฏิสัมภทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ

วิชชา ๓
๑. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ รู้จักระลึกชาติได้
๒. จุตูปปาตญาณ รู้จักกำหนดจุติและเกิด
๓. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้น


วิโมกข์ ๓
๑. สุญญตวิโมกข์ ความพ้นโดยเป็นสภาพว่าง
คือว่าจาก ราคะ โทสะ โมหะ
๒. อนิมิตรวิโมกข์ ความพ้นโดยหาเครื่องหมายมิได้เพราะ
ไม่มีราคะ โทสะ โมหะ เป็นเครื่องหมาย
๓. อัปปณิหิตวิโมกข์ ความพ้นโดยหาที่ตั้งมิได้
คือไม่มีราคะ โทสะ โมหะ เป็นที่ตั้ง


84000.org...::

สารบัญหลักหมวดภิกษุ
| 01 | 02 | 03 | 04 | 05 | 06 | 07 | 08 | 09 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 |
 
     

 

| หน้าแรก | ส่งเมลให้webmaster | เว็บบอร์ด |